หากจัดอันดับพื้นที่ประสบอุทกภัยรุนแรงในแถบรอบกรุงเทพฯ เชื่อว่า โซน อ.บางบัวทอง อ.บางใหญ่ อ.ไทรน้อย และ อ.บางกรวย จ.นนทบุรี ต้องติดอันดับต้นๆ อย่างแน่นอน เพราะครอบคลุมบริเวณกว้างขวาง ท่วมขังมานับเดือนแล้ว และบางพื้นที่ระดับน้ำสูงกว่า 1.5 เมตร
ด้วยสภาพที่ต้องทนอยู่กับน้ำท่วมมานาน ทำให้ชาวชุมชนย่านนี้ เริ่มปรับตัวได้มากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะโซนหน้าตลาดบางใหญ่ที่ปัจจุบัน ได้กลายสภาพเป็นตลาดน้ำจำเป็นไปเรียบร้อยแล้ว เนื่องจากมีพ่อค้าแม่ค้า พายเรือมาขายสินค้าต่างๆ ถือเป็นจุดชอปปิ้งยามยากเพื่อคนที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางน้ำท่วมขัง
เดิมบริเวณตลาดบางใหญ่ถือเป็นเส้นเลือดใหญ่ทางเศรษฐกิจของชุมชนย่านนี้ เพราะมีทั้งห้างสรรพสินค้าขนาดยักษ์อยู่ใกล้ๆ กันถึง 3 แห่ง ได้แก่ บิ๊กซี บิ๊กซี เอ็กซ์เพรส และเดอะสแควร์ รวมถึง ยังเป็นแหล่งรวมร้านค้าต่างๆ ทั้งแฟชั่น ไอที และสินค้าอุปโภคบริโภคต่างๆ นับพันร้าน อีกทั้ง ช่วงเย็นของทุกวัน ที่ลานบีบี มาร์เก็ต (ชื่อเดิม บางใหญ่ไนท์บาร์ซ่า) ยังเป็นลานเปิดท้ายขายของอีกด้วย
ที่สำคัญ ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า รถไฟฟ้าสายสีม่วง เส้นทางผ่านบางใหญ่จะสร้างเสร็จสมบูรณ์ เหล่านี้ประกอบกันทำให้ทำเลนี้ ถือว่าเนื้อหอมอย่างยิ่ง มีโครงการบ้านจัดสรร คอนโดมิเนียม และห้างสรรพสินค้าต่างๆ จ่อจะลงทุนเปิดอีกจำนวนมาก
อย่างไรก็ตาม ภาพที่เห็นในปัจจุบัน ย่านทำเลเนื้อหอมดังกล่าวได้ปรับสภาพเป็นศูนย์กลางเพื่อการสัญจรของผู้ประสบภัยย่านบางบัวทอง บางใหญ่ และบางกรวย โดยเจ้าหน้าที่ทหารที่มาอำนวยความสะดวก ซึ่งยึดลานบีบี มาร์เก็ต เป็นออฟฟิศชั่วคราว เล่าให้ฟังว่า ประชาชนที่อาศัยอยู่ย่านนี้รวมกันนับหลักหลายแสนคน และปัจจุบัน ยังมีผู้ปักหลักไม่ย้ายหนี อีกหลักหมื่นคน ดังนั้น ทุกวัน จะมีประชาชนลุยน้ำออกมาเลือกซื้อสินค้าจากตลาดน้ำจำเป็นจำนวนมาก ซึ่งพ่อค้าแม่ค้าจะมาจับกลุ่มใหญ่รวมกันอยู่ที่หน้าทางเข้าตลาดกลางบางใหญ่
เจ้าหน้าที่ทหารท่านเดิม เล่าเสริมว่า โดยทั่วไปจะมีพ่อค้าแม่ค้า พายเรือ ตั้งโต๊ะขายสินค้า ตั้งแต่เวลาประมาณ 7 โมงเช้าถึง 2 ทุ่ม เฉลี่ยประมาณ 20-30 ราย แต่ถ้าเป็นช่วงเย็นหลังที่คนเลิกงานกลับบ้าน พ่อค้าแม่ค้าจะเพิ่มเป็นกว่า 40-50 ราย และยิ่งเป็นช่วงวันหยุดเสาร์อาทิตย์ ซึ่งประชาชนจำนวนมาก ที่อพยพไปอยู่ที่ต่างๆ จะกลับมาดูบ้านตัวเอง ทำให้เกิดร้านค้าลอยน้ำเพิ่มกว่า 100 รายทีเดียว
จากการลงพื้นที่สำรวจตลาด พบว่า สินค้าส่วนใหญ่จะเกี่ยวเนื่องกับการดำรงชีพท่ามกลางน้ำท่วม ไม่ว่าจะเป็นอาหารสด อาหารแห้ง อาหารปรุงสำเร็จรูป ผักผลไม้ อุปกรณ์เครื่องใช้ในบ้านต่างๆ เช่น ถังน้ำ แปรงถูพื้น ไม้แขวนเสื้อ กะละมัง เป็นต้น เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายที่ส่วนใหญ่เป็นกางเกงขาสั้น รองเท้าฟองน้ำ และรองเท้าบูท ฯลฯ รวมถึง มีบริการเรือโดยสารรับจ้าง นอกจากนั้น ยังมีเรือท้องแบน เครื่องสูบน้ำ แม้กระทั่ง โทรศัพท์มือถือ ก็มาเปิดร้านชั่วคราวขายด้วย
ในส่วนพ่อค้าแม่ค้า แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ คือ กลุ่มพ่อค้าแม่ค้ามืออาชีพที่ขายสินค้าอยู่ย่านนี้อยู่แล้ว แต่จากสถานการณ์ปัจจุบัน จึงต้องเปลี่ยนทำเลจากขายบนบกมาขายในน้ำแทน กับอีกกลุ่มคือ พ่อค้าแม่ค้าสมัครเล่นที่มายึดอาชีพชั่วคราว เพื่อหารายได้ทดแทนส่วนที่ต้องสูญเสียไปจากวิกฤตน้ำท่วม
แม่ค้าขายเสื้อผ้า เล่าให้เราฟังว่า เดิมเปิดร้านขายเสื้อผ้าอยู่ในตลาดบางใหญ่ แต่หลังจากน้ำท่วมจำเป็นต้องปิดร้าน รายได้จึงหายไปทั้งหมด จึงลองนำเสื้อผ้าของร้านใส่เรือแล้วออกมาวางขายที่บริเวณหน้าตลาด ซึ่งเป็นจุดที่ผู้คนแถวนี้ต้องมาต่อรถทหาร ปรากฏว่า ขายได้ดีทีเดียว รายได้ไม่ต่ำกว่า 1-2 พันบาทต่อวัน ช่วยให้มีรายได้เข้ามาเลี้ยงดูครอบครัว
อีกรายเป็นพ่อค้าขายโทรศัพท์มือถือ เล่าต่อทีมงานว่า เดิมเปิดร้านขายโทรศัพท์มือถืออยู่ในตลาดโซนไอทีข้างๆ ห้างบิ๊กซี เอ็กซ์เพรส แต่ปัจจุบัน มาตั้งโต๊ะขายอยู่หน้าห้างบิ๊กซี เอ็กซ์เพรส โดยสินค้าขายดี ได้แก่ โทรศัพท์มือถือรุ่นราคาถูก ไม่ถึงหนึ่งพันบาท และโทรศัพท์มือถือจากประเทศจีน ซึ่งราคาถูกเช่นกัน ซึ่งลูกค้าจะซื้อไปใช้แก้ขัด เพราะเกรงว่า มือถือราคาแพงของตัวเองจะตกน้ำ นอกจากนั้น อุปกรณ์ต่างๆ เช่น ซิมการ์ด ซองใส่มือถือกันน้ำ ก็ขายดีเช่นกัน
อีกอาชีพที่ได้รับความนิยมเช่นกัน คือ เรือรับจ้าง โดยคนพายเรือที่ให้สัมภาษณ์กับทีมงานเป็นลุงวัย 60 ปี เล่าให้ฟังว่า อาชีพประจำทำสวนผลไม้ อยู่ใน อ.บางบัวทอง แต่เพราะน้ำท่วมทำให้ไม่สามารถเก็บเกี่ยวพืชผลได้ จึงเอาเรือที่ปกติใช้ล่องคลองในสวนมาให้บริการรับส่งผู้โดยสารที่ส่วนใหญ่ ต้องการเข้าออกหมู่บ้านของตนเอง ซึ่งจะคิดค่าบริการอย่างเป็นกันเอง เพราะคิดว่า ต้องช่วยเหลือกันในยามยาก โดยระยะทางใกล้ๆ 1-2 กิโลเมตร คิดคนละ 30-50 บาท ถ้าระยะทาง 2-5 กิโลเมตรคิดคนละ 50-100 บาท
ทั้งนี้ จากการลงสำรวจราคาสินค้าต่างๆ ที่ขายในตลาดน้ำจำเป็นแห่งนี้ จะพบว่า ราคาสินค้าไม่ได้แพงขึ้นมากแต่อย่างใด โดยพ่อค้าแม่ค้าแทบทุกรายจะพูดคล้ายๆ กันว่า ในยามนี้ ทุกคนจะต้องช่วยเหลือกัน ราคาที่ปรับขึ้นบ้าง เพราะต้องบวกค่าเดินทางและขนส่งที่เพิ่มขึ้นนั่นเอง ตัวอย่างเช่น ลูกชิ้นเสียบไม้ จากปกติไม้ละ 5-10 บาท ขยับเป็นไม้ละ 7-15 บาท หรือเครื่องดื่มต่างๆ เพิ่มขึ้นขวด หรือกระป๋องละ 5 บาท
นอกจากนั้น ยังมีความพยายามจะจัดระเบียบกันเองภายในชุมชน อย่างเช่นเรือท้องแบน จะมีการกระจายเสียงรณรงค์ให้ซื้อขายกันในราคาไม่เกินลำละ 5 พันบาท หรือกรณีของเรือรับจ้างที่หลายชุมชนพบการขูดรีด คิดเที่ยวละเป็นพันบาท แต่สำหรับตลาดบางใหญ่ ผู้ให้บริการเรือรับจ้างส่วนใหญ่จะเป็นคนในท้องที่ คิดราคาอยู่ในระดับที่พอจะจ่ายไหว โดยเฉลี่ยสำหรับการนั่งเรือพาย ระยะประมาณ 2 กิโลเมตร จะอยู่ที่คนละ 50-100 บาท ส่วนเรือติดเครื่องยนต์ จะอยู่ที่คนละ 100-200 บาท แต่หากรวบรวมสมาชิกให้นั่งได้เต็มลำเรืออาจขอต่อรองราคาได้เล็กน้อย
ท้ายสุด พ่อค้าแม่ค้าทั้งมืออาชีพ และสมัครเล่น ที่มายึดทำเลตลาดน้ำจำเป็นแห่งนี้ บอกคล้ายกันว่า แม้อาชีพต่างๆ ในช่วงวิกฤตน้ำท่วมจะสร้างรายได้ค่อนข้างดี แต่สิ่งที่พวกเขาต้องการอย่างแท้จริง คือ อยากให้น้ำลดโดยเร็ว เพื่อที่จะได้กลับไปใช้ชีวิตตามปกติเหมือนที่เคยเป็นมา ....
