xs
xsm
sm
md
lg

นายดาบทางหลวงจิตอาสา จับเรือใส่ท้ายรถลุยทั้งบกลงทั้งน้ำช่วยผู้ประสบภัย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ด.ต.ประพัฒน์พงศ์ พุฒตาล หัวหน้าตู้พักทางหลวงอำเภอบางเลน สทล.1 กก.2
นครปฐม - ตามไปดู "นายดาบทางหลวงจิตอาสา" ไม่ทิ้งตู้พัก จับรถตรวจการยกสูงวิ่งลุยน้ำท่วมรับส่งชาวบ้าน นำถุงยังชีพไปแจก ส่งคนเจ็บเข้าโรงพยาบาล แถมพ่วงเรือติดเครื่องลงน้ำลุยช่วยผู้ประสบภัยอย่างไม่เหน็ดเหนื่อ

ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา หากใครได้มีโอกาสเดินทางผ่านถนน สาย 346 บางเลน-ลาดหลุมแก้ว ตำบลบางภาษี อำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม บริเวณ กม.ที่ 45+500 ก็จะพบกับรถกระบะตราสัญลักณ์ของตำรวจทางหลวงสภาพเก่า แต่ปรับแต่งให้ยกสูงขึ้นวิ่งวนไปมาในพื้นที่บริเวณถนน สาย 346 บางเลน-ลาดหลุมแก้ว โดยที่ในมือคนขับยังถือถุงยังชีพ พร้อมข้าวของเครื่องใช้ภายในรถ ขณะที่ท้ายกระบะของรถยังมีการบรรทุกเรือเหล็กติดเครื่องยนต์วิ่งไปจอดเทียบท่าริมแม่น้ำท่าจีนบ้าง ตามคลองต่างๆ หรือแล่นอยู่บนท้องนาบ้าง จนชาวบ้านคนที่ได้รับการช่วยเหลือจากการเกิดอุทกภัยในครั้งนี้เกิดความประทับใจไม่น้อย

เขาคือ "ด.ต.ประพัฒน์พงศ์ พุฒตาล หัวหน้าตู้พักทางหลวงอำเภอบางเลน สทล.1 กก.2" ซึ่งเป็น 1 ในตำรวจทางหลวงจิตอาสาผู้ที่ค่อยปฎิบัติหน้าที่คอยช่วยเหลือประชาชนบนถนนหลวงแห่งนี้ ซึ่งมีสภาพน้ำท่วมขังจนระดับน้ำบางช่วงสูงถึง 70 ซม.จนทำให้การจราจรบางช่วงถนนถูกตัดขาดจากกระแสน้ำ จนทำให้ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนในการใช้ถนนสัญจรไปมา

ด.ต.ประพัฒน์พงศ์ พุฒตาล หรือ "ดาบเอ" บอกว่า ถนนสาย 346 ถูกน้ำท่วมมาราว 1 เดือนแล้วและที่ผ่านมาพบว่าปัญหาที่เกิดขึ้นกับรถนั้นไม่ได้เกิดแค่รถยนต์ส่วนบุคคล แต่ยังมีทั้งรถบรรทุก 6 ล้อ ที่มีความสูงไม่เพียงพอต้องมาจอดดับกลางถนนทำให้รถบรรทุก 10 ล้อขนาดใหญ่ต้องจอดรอให้มีการเข็นหลบ ซึ่งกินเวลานานและการจราจรก็ติดขัดบนผิวการจราจรไม่น้อย ซึ่งจากถนนสายหลักที่มี 2 ฝั่ง ฝั่งละ 3 เลนนั้นต้องมาวิ่งฝั่งเดียว ยิ่งทำให้การเดินทางเป็นอัมพาต

"ผมจึงได้ตัดสินใจนำเงินงบประมาณส่วนตัวนำรถกระบะประจำตู้พักไปยกช่วงล่างให้สูงขึ้นและทำปรับสภาพท่อไอเสียให้พ้นน้ำ เพื่อใช้ปฏิบัติหน้าที่ในการบริการแจ้งเหตุให้ประชาชนทราบว่าผิวจราจรด้านหน้าเป็นเช่นไร"

ดาบเอ บอกต่อว่า ต่อมาเริ่มมีชาวบ้านที่หนีน้ำในพื้นที่อำเภอบางภาษี และอำเภอไทรน้อย จังหวัดปทุมธานี เริ่มออกมาโบกรถขอความช่วยเหลือให้ไปส่งในตัวอำเภอบางเลน เพื่อซื้อสินค้าบ้าง เรือบ้าง และน้ำดื่มบ่อยขึ้น จากนั้นก็เริ่มพบคนโบกรถขอความช่วยเหลือเพื่อไปรับของยังชีพที่ทางหน่วยงานต่างๆ มาแจกให้ ซึ่งช่วงแรกที่น้ำเริ่มท่วมขังก็เริ่มพบความวุ่นวายมากขึ้น เพราะชาวบ้านเริ่มมาขอความช่วยเหลือในรูปแบบต่างๆ

"ยิ่งน้ำขึ้นมากเท่าไหร่ ชาวบ้านก็ยิ่งเห็นตำรวจเป็นที่พึ่งมากขึ้น หลายคนถามว่าทำไมไม่ปิดตู้พักและไปปฏิบัติหน้าที่ที่อื่น แต่ด้วยประสบการณ์ที่พบคือชาวบ้านเริ่มมีการพายเรือมาขอน้ำดื่ม อาหารแห้ง เราก็คิดว่าชาวบ้านเริ่มเดือดร้อนมาก เราก็ทิ้งตู้ไม่ได้ และต้องปรับการทำงานเพื่อให้เข้ากับสถานการณ์มากขึ้น โดยเริ่มประสานงานแจ้งขอความช่วยเหลือต่างๆ ให้มีการแจกของมาบริจาคให้กับชาวบ้านที่ติดอยู่ในบ้านเรือน ส่วนรถบรรทุกก็ลุยน้ำรับส่งคนที่จะเดินทางเข้าออกตัวเมือง 2 รอบบ้าง 3 รอบบ้าง ชาวบ้านก็จะรู้ ส่วนรถคันไหนดับเราก็ช่วยบริการเข้าข้างทาง แจ้งช่างมาให้ เรียกว่าทุกคนทำงานเต็มที่"

ดาบเอ ยังเล่าต่อว่า จนวันนึงเราก็คิดว่าบนถนนวุ่นวายมาแล้ว ชาวบ้านเริ่มมาขอพึ่งตำรวจในการขอข้าวขอน้ำ เราก็ตัดสินใจอีกครั้ง ควักเงินส่วนตัวและรวบรวมจากพรรคพวกมาซื้อเรือเหล็กติดเครื่องยนต์ลงพื้นที่ช่วยผู้นำชุมชนไปหาชาวบ้าน จนวันนึงช่วงน้ำกำลังเอ่อเข้าพื้นที่ต่อเนื่อง มีชาวบ้านมาร้องขอความช่วยเหลือว่ามีคนจมน้ำ พบแต่เรือกับของใช้คาดว่ามีคนจมน้ำ 2 คน เราก็ตัดสินใจเอาเรือเล็กลงร่วมค้นหากับตำรวจท้องที่ แต่เพราะความมืดและกระแสน้ำแรง ไม่มีไฟกลางน้ำที่ต้องลงไปลึก 3-4 เมตรบนท้องนา เครื่องเรือไม่ไหวเราก็พยายามค้นหาแต่ก็ไม่พบ แต่ก็ทั้งคู่มาลอยขึ้นอีกวันหนึ่ง เราก็เสียใจว่า ถ้าเรามีเครื่องมือดีกว่านี้ เราคงจะยังพอมีหวัง เพราะช่วงนั้นกระแสน้ำจะพัดเรือเราจมหลายรอบ หลายคนจึงบอกให้เราหยุดทั้งๆ ที่อยากจะค้นให้เจอ

จากนั้น ก็ยังมีชาวบ้านมาแจ้งว่า พบจระเข้ขึ้นมาหาให้คนเห็นย่านชุมชนกลางดึกเราก็เอาเรือออก และนำไฟมาส่องล่องเรือค้นหากับชาวบ้าน เรียกว่า "ตลอดช่วงน้ำท่วมนี่เราทำงานทุกวันไม่ทิ้งชาวบ้าน เค้าเดือดร้อนเห็นตำรวจพึ่งได้เราก็ต้องทำหน้าที่ ยังไงก็ต้องอยู่ด้วยกันให้อุ่นใจไว้ว่ายังไงมีตำรวจก็ค่อยใจชื้นก็ยังดี"

ดาบเอ บอกว่า "มีหลายคนถามว่าควักเงินส่วนตัว ลงแรงอะไรมากขนาดนี้ เราก็บอกว่าเราเป็นตำรวจ ถ้าประชาชนเดือดร้อนแล้วมาหาเราแต่เราไม่ช่วยนี่ไม่ใช่ตำรวจแล้ว จะเป็นตำรวจทางหลวงก็ลงน้ำได้ ลุยไปช่วงจับจระเข้ได้ ถ้าเขาไม่มีกำลัง อะไรก็ได้คนไทยต้องช่วยกันไว้ก่อน ต้องรักกันไม่งั้นเราจะอยู่ในเครื่องแบบได้ยังไง ตรงนี้ผมว่าสำคัญ งานอะไรก็แล้วแต่มันทำได้ถ้าใจพร้อม"

นี่อาจจะเป็นอีกหนึ่งแนวคิดของคนทำงาน ซึ่งต้องบอกว่า การทำงานของ ตำรวจทางหลวงในครั้งนี้ได้ภาพลักษณ์ที่ดีที่เป็นรูปธรรมที่ประชาชนสมารถสัมผัสได้ และการปฏิบัติหน้าที่ของเขาก็ยังคงมีต่อไปอีกยาวไกล เพราะอำเภอบางเลน เป็นพื้นที่ลุ่มปีนี้น้ำเยอะกว่าทุกปีต้องรับน้ำจากอำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี และยังมีน้ำที่ล้นเอ่อจากแม่น้ำท่าจีน

ชาวบ้านบอกว่า "วันนี้ถ้าน้ำยังไปไม่หมดอย่างน้อยก็ต้องมี 2 เดือนที่เราจะได้เห็นตำรวจทางหลวงขับเรือช่วยชาวบ้านมากกว่าบนท้องถนนและเป็นอีกหนึ่งจิตอาสาที่ตำรวจทางหลวงนั้นมอบให้กับประชาชนที่เดือดร้อนในตอนนี้"

ด.ต.ประพัฒน์พงศ์ พุฒตาล หัวหน้าตู้พักทางหลวงอำเภอบางเลน สทล.1 กก.2






กำลังโหลดความคิดเห็น