xs
xsm
sm
md
lg

ปรับสูตร “กระยาสารท” สู่ “กระยาญ่าบาร์” ต้อนรับเทศกาลสารท เดือน 10

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


"กระยาสารท" ถือเป็นขนมที่เกิดขึ้นจากภูมิปัญญาของคนไทยเรา ที่นำเอาธัญพืชหลากหลายมากวนรวมกับน้ำอ้อย น้ำตาล และแบะแซ เพื่อให้เป็นขนมที่เก็บไว้กินได้นา โดยปกติ มักจะกวนกันหน้าสารท (ช่วงเดือนกันยายน) จึงเรียกได้ว่าเป็นขนมตามประเพณี ประจำสารทไทย ซึ่งถือว่าเป็นขนมชั้นดี และในสมัยโบราณก็มักใช้ขนมนี้ไปกำนัลแก่ญาติผู้ใหญ่ คนที่เราเคารพนับถือ กระยาสารท
กระยาสารทในกระทะกวนแบบดั้งเดิม
สำหรับร้านกระยาสารท มีด้วยกันหลายราย และหนึ่งในนั้นก็ต้องยกให้กับ กระยาสารท จากร้าน "ริน" ร้านขายขนมไทยของฝากขึ้นชื่อ จากวัดหลวงพ่อโสธร จังหวัดฉะเชิงเทรา ร้านริน ได้ทำกระยาสารทสูตรโบราณมานานกว่า 37 ปี การันตีความอร่อยด้วย ใบประกาศ “เซลล์ชวนชิม” ม.ร.ว.ถนัดศรี สวัสดิวัฒน์

นางวรพรรณี น้อยใจบุญ เจ้าของร้าน เล่าว่า ทางร้านรินของเรา เปิดดำเนินกิจการมาตั้งแต่ปี 2517 โดยเริ่มต้นมาจากการกวนกระยาสารท ซึ่งเป็นสูตรของคุณยาย และก็ไม่ผิดหวัง เพราะกระยาสารทสามารถสร้างชื่อให้กับร้านรินอย่างมากจวบจนถึงทุกวันนี้ จุดเด่นของกระยาสารทร้านริน แตกต่างจากกระยาสารททั่วไป เพราะเลือกใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพดี และไม่ใช่น้ำตาล แต่จะใช้น้ำอ้อย และต้องเป็นน้ำอ้อยที่มาจากอ้อยในพื้นที่ที่ห่างจากทะเล อย่างจังหวัดปทุมธานี และนนทบุรี เพราะให้รสชาติความหวานที่เมื่อนำมาทำกระยาสารท จะได้กระยาสารทที่หวานอร่อย
นางวรพรรณี น้อยใจบุญ เจ้ายองร้าน
นอกจากนี้ ในส่วนของเทคนิคการกวนกระยาสารทเป็นสิ่งที่ทางเรายังคงยึดวิธีการทำแบบโบราณ ที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากบรรพบุรุษ และสิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งคือ ต้องทำกระยาสารทที่สดใหม่ เพราะทางร้านเราจะมีการกวนกระยาสารทเกือบทุกวัน แต่ถ้าเป็นช่วงเดือนกันยายน ซึ่งเป็นช่วงเทศกาลสารทเดือน 10 ก่อนเข้าพรรษา จะกวนทุกวัน เพราะกระยาสารทที่อร่อยควรจะเป็นของที่ปรุงสุกใหม่
กวน
เนื่องจากเราต้องกวนกระยาสารทครั้งละมากๆ ทำให้ต้องมีการพัฒนาเรื่องของเครื่องไม้ เครื่องมือ เข้ามาช่วยแทนการใช้แรงงานคน โดยได้ “นายวิทยา น้อยใจบุญ” สามีมาช่วยออกแบบเครื่องไม้เครื่องมือให้ อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการผลิตแบบดั้งเดิมก็ยังคงทำอยู่ อย่างเตาฟื้น หรือ กระทะกวนแบบดั้งเดิม ก็ยังคงอยู่บ้างเป็นบางส่วน
บรรยากาศภายในส่วนการผลิตที่ทำมานานกว่า 37 ปี
นางวรพรรณี เล่าว่า สำหรับการกวนกระยาสารทในช่วงเทศกาล จะกวนทุกวันๆละ 20 กระทะๆ ละ 20 กิโลกรัม จุดเด่นของเราอยู่ที่รสชาติ ความสดใหม่ และการคัดเลือกวัตถุดิบที่มีคุณภาพดี เมื่อองค์ประกอบทุกอย่างลงตัว ลูกค้าก็จะตามมาเอง เดิมจะมุ่งเป้ากลุ่มลูกค้าที่เป็นนักท่องเที่ยว ซื้อไปเป็นของฝาก เพราะร้านของเราอยู่ใกล้วัดหลวงพ่อโสธร เราก็จะเปิดเป็นร้านขายของฝาก ที่มีของฝากขนมไทยๆ ที่เราถนัด
กระยาสารทในกระทะก่อนที่จะนำขึ้นรูปในแบบต่างๆ
""ในช่วง 2 ปีแรกทำกระยาสารทอย่างเดียว การจำหน่ายยังไม่ได้วางขายตามร้าน เนื่องจากผู้บริโภคยังไม่รู้จักขนมริน ทางร้านปฏิเสธที่จะรับขนมไว้ขาย แม้ว่าจะให้ชิมและยังให้ขายล่วงหน้าโดยยังไม่เก็บเงินก็ตาม จึงขายกันเองในกลุ่มคนรู้จัก และก็เกิดการบอกกันแบบปากต่อปาก แต่ยอดขายก็ยังน้อยมาก ในช่วงหลังจึงทำประชาสัมพันธ์อย่างหนัก ให้ขนมติดตลาดด้วยการทำขนมในลักษณะของฝาก โดยการออกงานแสดงสินค้า และเปิดร้านขายของฝาก ประสบความสำเร็จค่อนข้างมากในระยะหลัง ซึ่งตัวชูโรงก็ยังคงเป็น กระยาสารท"
ฝอยเงิน สูตรการทำฝอยทองเปลี่ยนใช้ไข่ขาว
ร้านขายของฝากของเรามีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับตัวผลิตภัณฑ์ขนมของทางร้าน เพื่อขยายกลุ่มลูกค้าให้กว้างขึ้น โดยให้ลูกสาวเข้ามาการบริหารกิจการต่อ ดังนั้น ในช่วงหลัง ทางร้านก็จะมีการปรับปรุงร้าน และปรับปรุงตัวกระยาสารทให้สามารถรองรับลูกค้ากลุ่มคนรุ่นใหม่ และกลุ่มคนรักสุขภาพ โดยการคิดค้นสูตรกระยาสารท ที่เติมผลไม้อบแห้งลงไป และให้ชื่อว่า "กระยาญ่าบาร์" โดยผลไม้อบแห้งที่เลือกใช้ ประกอบด้วย มะม่วง สัปปะรด แคนตาลูป มะละกอ เปลือกส้มโอ เป็นต้น
ข้าวตังเมนูที่มาแรงตัวใหม่ของร้าน
นอกจากกระยาญ่าบาร์ ยังมีกระยาสารท ประเภทอื่นๆ เช่น กระยาสารทชีวจิต ทำจากธัญพืช สมุนไพร กระยาสารทหน้าปลาแห้ง หน้างา และหน้ากุ้ง รวมถึงการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ เพื่อให้สะดวกแก่การรับประทาน โดยตัดเป็นชิ้น และใส่ซองพลาสติกอีกชั้นหนึ่ง เพราะเมื่อเปิดถุงแล้วยังเก็บไว้กินได้นาน สำหรับในส่วนที่เหลือ และให้ดูทันสมัย ไม่โบราณเหมือนกับชื่อขนม

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีการพัฒนาสูตรกระยาสารทออกมามากมาย แต่สูตรที่ยังคงได้รับความนิยม แบบที่เรียกว่าทุกคนที่มา ไหว้หลวงพ่อ จะต้องซื้อไปเป็นของฝาก ก็ยังคงเป็นสูตรดั้งเดิม ตั้งแต่สมัยคุณยาย ซึ่งเรายังคงการผลิตและรสชาติให้เหมือนกับในอดีตทุกอย่าง
บรรยากาศภายในร้าน
สำหรับแผนการตลาดของเรา หลังจากการเข้ามาดูแลกิจการของทายาทรุ่นที่ 2 นั้น นอกจากการพัฒนาสูตรขนมไทยแล้วให้มีรูปแบบใหม่ทันสมัย และ น่ารัปประทานมากขึ้นแล้ว ยังมีแผนที่จะนำขนมไทยไปบุกตลาดในต่างประเทศ ปัจจุบันมีการส่งขนมไปต่างประเทศ อย่างกระยาสารท ส่งไปขายที่เกาหลี และอเมริกา ต่อไปมีการพัฒนาขนมตัวอื่นๆ ที่มองว่าตลาดต่างประเทศน่าจะรับได้ อย่าง ข้าวตัง ขนมชั้น ฝอยทองคำ และใบจาก เป็นต้น

โทร. 038-512-534,08-6316-2336 ,www.rin.co.th
กำลังโหลดความคิดเห็น