ก.คลัง ตีกลับสินเชื่อช่วยผู้ประกอบการประสบภัยน้ำท่วม กำชับ “เอสเอ็มอีแบงก์” ปรับลดวงเงินเหลือ 500 ลบ. และพิจารณาปล่อยกู้ตามมาตรฐานปกติ ขณะนี้ เตรียมขยายเงินกู้ซื้อทรัพย์สินเพิ่ม 1,000 ลบ.
นายโสฬส สาครวิศว กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอีแบงก์) เปิดเผยว่า จากที่เอสเอ็มอีแบงก์ได้เสนอกระทรวงการคลัง เพื่อขออนุมัติออกสินเชื่อโครงการพิเศษช่วยเหลือฟื้นฟูกิจการของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีภาคเหนือ และภาคกลางตอนบน ที่ประสบอุทกภัย ภายใต้วงเงิน 2,000 ล้านบาท โดยใช้เงื่อนไขเหมือนกับที่เคยปล่อยกู้ให้แก่ผู้ประกอบการภาคใต้ที่ประสบภัยน้ำท่วมเมื่อปีที่แล้ว (2553) ซึ่งเป็นหลักเกณฑ์พิจารณาผ่อนปรน เช่น กู้โดยไม่ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน ไม่ต้องตรวจเครดิตบูโร อัตราดอกเบี้ยพิเศษ เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ทางกระทรวงการคลังได้สั่งการให้ทางเอสเอ็มอีแบงก์ ทบทวนแผนปล่อยกู้ดังกล่าวเสียใหม่ โดยให้ปรับลดวงเงินจาก 2,000 ล้านบาท เหลือ 500 ล้านบาท นอกจากนั้น เกณฑ์การพิจารณาปล่อยกู้ให้เป็นไปตามมาตรฐานปกติของเอสเอ็มอีแบงก์ ซึ่งจะมีความเข้มงวดมากกว่าการปล่อยตามเงื่อนไขพิเศษ โดยขณะนี้ ทางเอสเอ็มอีแบงก์ได้นำเสนอแผนที่ปรับปรุงใหม่ให้กระทรวงการคลังไปพิจารณาแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างรอการตัดสินใจของกระทรวงการคลังต่อไป
นายโสฬส เผยด้วยว่า ในส่วนโครงการสินเชื่อสำหรับซื้อทรัพย์สินเพื่อเป็นที่ตั้งสถานประกอบการ วงเงิน 1,000 ล้านบาท ที่เปิดตัวมาไม่นาน ขณะนี้ วงเงินขอสินเชื่อเต็มจำนวนแล้ว ดังนั้น ทางเอสเอ็มอีแบงก์ เตรียมขยายวงเงินกู้ในโครงการนี้ เพิ่มอีก 1,000 ล้านบาท โดยคงเงื่อนไขเดิมทุกประการ ซึ่งคาดว่าจะได้รับความสนใจมากเช่นเดิม เพราะเป็นสินเชื่อที่ตรงตามความต้องการของผู้ประกอบการ โดยเฉพาะรายใหม่ที่กำลังมองหาทำเลเปิดร้าน และรายเดิมที่อยากขยายกิจการ รวมถึง มีเงื่อนไขจูงใจ โดยระยะเวลากู้นานถึง 15 ปี อัตราดอกเบี้ยต่ำ ปีแรก MLR -1.5% ต่อปี ในปี2 MLR -0.75% จากนั้นเป็น MLR โดยปลอดชำระเงินต้นในปีแรก
