สวทน. ระบุปัจจัยเสี่ยงเอสเอ็มอีไทย มาจากต้นทุนธุรกิจพุ่ง ทั้งค่าพลังงาน และแรงงาน ซ้ำเติมด้วย ศก.โลกชะลอตัว จี้รัฐบาลใหม่ เร่งเพิ่มขีดความสามารถแข่งขันเอสเอ็มอี โดยใช้เทคโนโยลีและนวัตกรรม ผ่านมาตรฐานส่งเสริมครบวงจร
ผศ. ดร. ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิจัยและจัดการนโยบายฯ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ (สวทน.) เผยรายงานเตือนภัยและนโยบายทางเลือกสำหรับวิสาหกิจไทยว่า ปัจจัยเสี่ยงของผู้ประกอบการไทยที่สำคัญ ได้แก่ ต้นทุนธุรกิจเพิ่มขึ้น จากราคาค่าพลังงานสูง นโยบายขึ้นค่าแรงงาน 300 บาทของรัฐบาลชุดใหม่ อัตราเงินเฟ้อในประเทศที่อาจปรับสูงขึ้น พฤติกรรมผู้บริโภคระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น รวมถึง เศรษฐกิจสหรัฐและยุโรปยังคงชะลอตัวต่อเนื่อง และความไม่แน่นอนทางการเมืองของไทย ส่งผลต่อความเชื่อมั่นนักลงทุน
จากความเสี่ยงดังกล่าว นโยบายของรัฐบาลชุดใหม่ควรให้ความสำคัญต่อการสร้างปัจจัยเพื่อแก้ปัญหาขาดขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะระดับเอสเอ็มอี ระยะสั้น สิ่งที่ควรทำเร่งด่วนทันที ต้องทบทวนสถานการณ์การดำเนินงานของประเทศไทยด้านสนับสนุนผู้ประกอบการไทยโดยเฉพาะเอสเอ็มอีให้สามารถแข่งขันได้ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม เชื่อมโยงทั้ง การตลาด การเงิน เทคโนโลยีและนวัตกรรม ระบบพี่เลี้ยงที่ปรึกษา และการจัดการแบบเบ็ดเสร็จ
ขณะที่นโยบายการบริหาร ตลอด 4 ปี ควรเร่งจัดทำแผนการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อการสนับสนุนการปรับตัวของเอสเอ็มอี ภายใต้ภาวะความผันผวนของปัจจัยเสี่ยงในการประกอบธุรกิจ เช่น ส่งเสริมผู้ประกอบการมาใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมลดเสี่ยงธุรกิจ การนำไปใช้เพื่อรับความผันผวนด้านพลังงานสูง ค่าแรงปรับขึ้น อีกทั้ง ส่งเสริมปรับตัวสร้างตลาดใหม่ หลีกหนีการแข่งขันด้วยต้นทุนต่ำ ผลักดันให้แข่งขันด้วยนวัตกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม ยกระดับความความรู้ของเอสเอ็มอีและแรงงาน โดยอาศัยกองทุนที่เกี่ยวข้อง นอกจากนั้น ปรับระบบค้ำประกันและเพิ่มโอกาสให้เอสเอ็มอีเข้าถึงแหล่งเงินทุน มุ่งสร้างผู้ประกอบการใหม่มผ่านระบบเครือข่ายสถาบันการศึกษา และกระจายการสนับสนุนไปยังเอสเอ็มอีทุกกลุ่มและทุกภูมิภาค