ในอดีตภาชนะเคลือบถือเป็นภาชนะที่อยู่คู่ครัวคนไทยมายาวนาน ก่อนที่จะถูกเครื่องครัวที่ทำจากพลาสติก หรือเซรามิกเข้ามาแทนที่ แต่ด้วยรูปลักษณ์ และลวดลายที่สวยงาม รวมถึงราคาที่ไม่สูงเกินไป ทำให้ภาชนะเคลือบยังคงได้รับความนิยมในกลุ่มคนไทยแม้ยอดขายจะลดน้อยลงไปบ้าง แต่สำหรับตลาดต่างประเทศอย่างเกาหลี ญี่ปุ่น มีออเดอร์เข้ามาอย่างต่อเนื่อง
ปัจจุบันภาชนะเคลือบจะถูกลดทอนความนิยมลง บางโรงงานลดกำลังการผลิต แต่สำหรับ “บริษัท โรงงานอุตสาหกรรมภาชนะเคลือบ จำกัด” ผู้ผลิตภาชนะเคลือบแบรนด์กระต่าย (Rabbit Brand) กลับไม่หยุดนิ่งพัฒนารูปแบบ และลวดลายให้ทันสมัยตรงตามความต้องการของผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ หลังทายาทธุรกิจรุ่น 3 เข้ามาสานต่อกิจการคือ ‘นายธนวัฒน์ สมัครคามัย’ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด เล่าว่า ในฐานะที่ตนเป็นคนรุ่นใหม่เข้ามาช่วยดูแลกิจการ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องศึกษาธุรกิจในทุกขั้นตอนอย่างถ่องแท้ ซึ่งการก่อตั้งโรงงานอุตสาหกรรมภาชนะเคลือบ เริ่มมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2498 เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในตลาดเครื่องครัวชนิดเคลือบ เน้นการออกแบบที่เหมาะสมแก่การใช้งานของผู้บริโภคภายใต้การผลิตตามมาตรฐานสากล
โดยเทคโนโลยีในการผลิตภาชนะเคลือบ หากย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 50 ปีที่แล้ว ทางบริษัทฯ ได้เข้านำเครื่องจักรจากประเทศในแถบเอเชีย เพื่อรองรับความต้องการภาชนะเคลือบของคนไทย อย่าง หม้อแขก ถาดขนาดต่างๆ กะลามัง ปิ่นโต จาน ชาม และหม้อหูหิ้ว ซึ่งภาชนะเหล่านี้ได้รับความนิยมเรื่อยมา จนกระทั่งมีภาชนะประเภทอลูมิเนียม พลาสติก และเซรามิก เข้ามาเบียดบัง ส่งผลให้ยอดขายลดลง แต่มาในปี 2533 กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว หลังมียอดสั่งผลิตจากประเทศญี่ปุ่นและประเทศในแถบยุโรป ทำให้ต้องขยายกำลังการผลิต จากจุดนี้เองทำให้บริษัทฯ มีประสบการณ์ในเรื่องตลาดส่งออกเพิ่มมากขึ้น พร้อมพัฒนารูปแบบให้สวยงามด้วยจุกไม้ นำมาทำเป็นที่จับฝาหม้อ หรือนำสเตนเลสมาทำเป็นขอบของภาชนะเพิ่มความเนี้ยบของงานผลิต
“บริษัทฯ เราเป็นผู้รับจ้างผลิตภาชนะเคลือบมานาน ทำให้ลดการทำการตลาดในประเทศไทยไประยะหนึ่ง ประกอบกับในช่วงนั้นความนิยมใช้ภาชนะเคลือบของคนไทยลดน้อยลง ทำให้เรามุ่งทำตลาดต่างประเทศอย่างเต็มตัว จนกระทั่งมาถึงรุ่นผม ที่เป็นทายาทรุ่นที่ 3 เข้ามาดูแลเรื่องการตลาดและการผลิต จึงคิดบุกตลาดต่างประเทศในแบรนด์ของตัวเอง เพื่อสร้างการจดจำ รวมถึงจากประสบการณ์ด้านการค้าขายกับต่างประเทศมานาน จึงคิดว่าหากเริ่มทำตลาดต่างประเทศก่อนน่าจะเป็นช่องทางที่เหมาะสม โดยเฉพาะประเทศญี่ปุ่น และเกาหลี นิยมใช้ภาชนะเคลือบกันอย่างกว้างขวาง”
ตลาดภาชนะเคลือบถือเป็นสินค้าที่อยู่ในตลาดมานานทั้งในและต่างประเทศ ความนิยมขึ้นอยู่กับพฤติกรรมผู้บริโภค แต่สำหรับตลาดในประเทศไทย ปัจจุบันวางจำหน่ายน้อยมาก ต้องอาศัยความรู้ความเข้าใจในเรื่องภาชนะเคลือบอีกระยะ ในขณะที่คนไทยบางกลุ่มจะเลือกภาชนะเคลือบจากความสวยงามของลวดลาย คาดว่าหากเข้าใจถึงความปลอดภัยในภาชนะเคลือบจะทำให้ตลาดเติบโตได้อีกมาก
“อย่างที่รู้กันว่าภาชนะเคลือบใช้วัตถุดิบคือเหล็ก แล้วนำมาเคลือบด้วยน้ำยาสำหรับทำภาชนะเคลือบโดยเฉพาะ ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย สามารถบรรจุอาหารได้ตามปกติ แต่หากกะเทาะต้องเลิกใช้ทันที ซึ่งการผลิตต้องใช้ช่างที่มีประสบการณ์สูง เพราะการเผาภาชนะที่มีสีแตกต่างกันก็จะใช้ความร้อนในการเผาที่แตกต่างกันด้วย ซึ่งความยุ่งยากในการผลิตทำให้มีคู่แข่งน้อย ถือเป็นโอกาสทางธุรกิจที่น่าสนใจ รวมถึงราคาเหล็กแม้จะผันผวนตามราคาตลาดโลก แต่ก็ถือว่าราคายังถูกกว่าวัตถุดิบอื่นที่นำมาเป็นภาชนะใส่อาหาร อย่าง สเตนเลส หรือภาชนะที่ทำจากแก้ว”
แม้ภาชนะเคลือบหลายประเทศจะผลิตได้ โดยเฉพาะประเทศจีน ซึ่งแน่นอนราคาต่ำกว่าสินค้าที่ผลิตในประเทศ แต่ด้วยคุณภาพของสินค้าที่ใช้เหล็กขนาดบางกว่า ความทนทานในการใช้งานไม่นาน ทำให้ไม่ใช่คู่แข่งสำคัญ ในอนาคตตั้งใจเปิดหน้าร้านภายใต้แบรนด์กระต่าย เพื่อทำให้สินค้าเป็นที่รู้จักของผู้บริโภคคนไทยมากขึ้น รวมถึงต้องครองยอดการสั่งผลิตจากต่างประเทศให้มีอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ธุรกิจครอบครัวที่ดำรงอยู่ในตลาดมายาวนานกว่า 50 ปี อยู่สร้างความภาคภูมิใจให้คนไทยกับสินค้าไทยมาตรฐานส่งออก
***สนใจติดต่อ 0-2222-4201, 0-2221-0510, 0-2224-8751 หรือที่ www.siamenamel.com***