ก.พาณิชย์ เตรียมชงเรื่องเสนอครม. อนุมัติวงเงินสินเชื่อเพิ่มเติมมูลค่า 2 พันล้านบาทสำหรับเป็นทุนหมุนเวียนให้แก่เอสเอ็มอีในภาคขนส่ง แฟรนไชส์ ขายตรง รวมถึง ได้รับผลกระทบจากภัยน้ำท่วม
กระทรวงพาณิชย์ เตรียมเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันนี้ (11เม.ย.) เพื่อขออนุมัติหลักการการช่วยเหลือด้านการเงินแก่ผู้ประกอบเอสเอ็มอีไทย โดยขออนุมัติวงเงินสินเชื่อ (เพิ่มเติม) จำนวน 2 พันล้านบาท เพื่อช่วยเสริมสภาพคล่องเป็นเงินทุนหมุนเวียนแก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ในกลุ่มธุรกิจโลจิกติกส์ กลุ่มธุรกิจแฟรนไชส์ ธุรกิจขายตรง รวมทั้งผู้ที่ต้องการสร้างอาชีพสร้างรายได้ และผู้ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย
ทั้งนี้ กลุ่มเอสเอ็มอีด้านธุรกิจโลจิสติกส์ ธุรกิจแฟรนไชส์ ธุรกิจขายตรง จะได้รับการอนุมัติสำหรับหลักเกณฑ์เงื่อนไขอื่นๆ ให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีที่พิจารณาไปแล้วเมื่อวันที่ 8 ธ.ค.52 และขอชดเชยให้แก่ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) โดยให้เอสเอ็มอีแบงก์แยกบัญชีการดำเนินงานตามโครงการนี้ออกจากการดำเนินปกติ (Public Service Account : PSA) ซึ่งรัฐบาลจะชดเชยความเสียหายในส่วนของเงินต้นและดอกเบี้ยคงค้าง และให้ชดเชยค่าส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ย ร้อยละ 2 ต่อปี ระยะเวลา 2 ปี เป็นเงินปีละ 40 ล้านบาท รวมเป็นเงิน 80 ล้านบาท รวมทั้งขอให้ชดเชยวงเงินค้ำประกันสินเชื่อของบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) จำนวน 200 ล้านบาท
นอกจากนี้ ยังจะขอความเห็นชอบการแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารโครงการช่วยเหลือด้านการเงินแก่ผู้ประกอบธุรกิจโลจิสติกส์ไทยเพิ่มเติม ได้แก่ นายกสมาคมแฟรนไชส์และไลเซนส์ นายกสมาคมธุรกิจแฟรนไชส์และเอ็สเอ็มอีไทย นายกสมาคมแฟรนไชส์ไทย และนายกสมาคมการขายตรงไทย
กระทรวงพาณิชย์ เตรียมเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันนี้ (11เม.ย.) เพื่อขออนุมัติหลักการการช่วยเหลือด้านการเงินแก่ผู้ประกอบเอสเอ็มอีไทย โดยขออนุมัติวงเงินสินเชื่อ (เพิ่มเติม) จำนวน 2 พันล้านบาท เพื่อช่วยเสริมสภาพคล่องเป็นเงินทุนหมุนเวียนแก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ในกลุ่มธุรกิจโลจิกติกส์ กลุ่มธุรกิจแฟรนไชส์ ธุรกิจขายตรง รวมทั้งผู้ที่ต้องการสร้างอาชีพสร้างรายได้ และผู้ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย
ทั้งนี้ กลุ่มเอสเอ็มอีด้านธุรกิจโลจิสติกส์ ธุรกิจแฟรนไชส์ ธุรกิจขายตรง จะได้รับการอนุมัติสำหรับหลักเกณฑ์เงื่อนไขอื่นๆ ให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีที่พิจารณาไปแล้วเมื่อวันที่ 8 ธ.ค.52 และขอชดเชยให้แก่ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) โดยให้เอสเอ็มอีแบงก์แยกบัญชีการดำเนินงานตามโครงการนี้ออกจากการดำเนินปกติ (Public Service Account : PSA) ซึ่งรัฐบาลจะชดเชยความเสียหายในส่วนของเงินต้นและดอกเบี้ยคงค้าง และให้ชดเชยค่าส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ย ร้อยละ 2 ต่อปี ระยะเวลา 2 ปี เป็นเงินปีละ 40 ล้านบาท รวมเป็นเงิน 80 ล้านบาท รวมทั้งขอให้ชดเชยวงเงินค้ำประกันสินเชื่อของบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) จำนวน 200 ล้านบาท
นอกจากนี้ ยังจะขอความเห็นชอบการแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารโครงการช่วยเหลือด้านการเงินแก่ผู้ประกอบธุรกิจโลจิสติกส์ไทยเพิ่มเติม ได้แก่ นายกสมาคมแฟรนไชส์และไลเซนส์ นายกสมาคมธุรกิจแฟรนไชส์และเอ็สเอ็มอีไทย นายกสมาคมแฟรนไชส์ไทย และนายกสมาคมการขายตรงไทย