xs
xsm
sm
md
lg

SCB ประกาศขึ้นแท่นเจ้าพ่อสินเชื่อ SMEs ในอีก 3-5 ปี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

SCB เดินหน้าสินเชื่อเจาะตลาดธุรกิจเอสเอ็มอี ประกาศภายใน 3-5 ปีขึ้นแท่นผู้นำตลาด ระบุยอดปี 53 พุ่งพรวดทะลุ 2.5 หมื่นล้านบาท คาดปี 54 โต 27% มูลค่ากว่า 4.3 หมื่นล้านบาท

นายศิริชัย สมบัติศิริ รองผู้จัดการใหญ่ กลุ่มลูกค้าธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) เปิดเผยว่าในปี 54 ธนาคารตั้งเป้าหมายปล่อยสินเชื่อเอสเอ็มอีที่ 43,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27% จากปี 53 ที่มียอดปล่อยสินเชื่อเอสเอ็มอีรวมสุทธิที่ 25,000 ล้านบาท และมีเป้าหมายภายในสิ้นปีนี้ยอดสินเชื่อรวมของธุรกิจเอสเอ็มอีจะมาอยู่ที่ 2 แสนล้านบาท และภายในปี 56 จะมียอดสินเชื่อรวมเพิ่มเป็น 3 แสนล้านบาท

ทั้งนี้ การปล่อยสินเชื่อเอสเอ็มอีของธนาคารมีอัตราการเติบโตต่อเนื่องอย่างน่าพอใจ โดยปัจจุบันธนาคารมีสัดส่วนสินเชื่อเอสเอ็มอี อยู่ในอันดับ 5 ของตลาด และตั้งเป้าว่า ภายใน 3-5 ปี จะก้าวขึ้นเป็น 1 ใน 3 ของผู้นำในตลาดให้ได้

ส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ธุรกิจเอสเอ็มอี มีเป้าหมายให้อยู่ระดับต่ำกว่า 2% จากปี 53 ที่อยู่ระดับ 1.8% เนื่องจากปีนี้พอร์ตสินเชื่อขยายตัวมากขึ้น ขณะเดียวกันยังไม่พบสัญญาณการเกิด NPL ที่กระจุกตัวในแต่ละกลุ่มธุรกิจ และ NPL ที่เกิดขึ้น ส่วนใหญ่เกิดจากปัญหาในการบริหารธุรกิจ มากกว่าปัญหาจากภาพรวมธุรกิจ ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติที่ยอมรับได้

สำหรับกลยุทธการดำเนินธุรกิจเอสเอ็มอีในปีนี้ ธนาคารจะเน้นการออกผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมที่ฉีกแนวจากเดิม มีความหลากหลายครอบคลุมความต้องการลูกค้าทุกกลุ่ม โดยปีนี้ตั้งเป้าจะออกผลิตภัณฑ์ใหม่ 4 บริการ ขณะเดียวกันจะมีการทำการตลาดที่ดึงดูดและให้ผลตอบแทนลูกค้า โดยจัดงบการตลาดประมาณ 100 ล้านบาท รวมถึงการเสริมทักษะความรู้ ด้านเศรษฐกิจการเงินให้แก่ลูกค้าอย่างเข้มข้น และการสร้างเครือข่ายธุรกิจให้ลูกค้าผ่านโครงการพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการ

รองผู้จัดการใหญ่ กลุ่มลูกค้าธุรกิจ SCB กล่าวอีกว่า ในปี 54 มองการแข่งขันการปล่อยสินเชื่อเอสเอ็มอีจะแข่งขันรุนแรงมากกว่าปีก่อน โดยผู้นำการตลาดจะพยายามรักษาฐานลูกค้าต่อไป ขณะที่รายอื่นยังพยายามรุกตลาด ซึ่งลูกค้าเอสเอ็มอียังมีจำนวนมากที่ยังเปิดช่องในการปล่อยสินเชื่อได้อีกมาก แต่มองว่าการปล่อยสินเชื่อเอสเอ็มอีจะไม่มีการแข่งขันกันด้านราคา แต่จะแข่งขันด้านบริการมากกว่า

ขณะเดียวกันการปล่อยสินเชื่อเอสเอ็มอีของธนาคารจะเน้นในทุกกลุ่มลูกค้า ทั้ง บริการ ค้าปลีก ค้าส่ง โรงแรม และอื่นๆ ซึ่งขณะนี้ไม่พบว่ามีสัญญาณไม่ดีที่จะทำให้เกิดหนี้เสียหรือส่งผลกระทบต่อธุรกิจ แต่ยอมรับว่ามีปัจจัยที่อาจเป็นข้อจำกัด ทั้งด้านการเมือง ซึ่งจะมีการเลือกตั้งใหม่ในปีนี้ ซึ่งหากมองอีกด้านจะเป็นผลดีในแง่มีเม็ดเงินกระตุ้นการใช้จ่ายของประชาชนเพิ่มขึ้น ส่วนด้านพลังงานอาจเป็นภาระต้นทุนทางธุรกิจที่สูงขึ้น

นอกจากนั้น ทาง SCB ได้เปิดตัวสินเชื่อใหม่ ในชื่อ "สินเชื่อ SCB กล้าให้" เน้นเจาะกลุ่มลูกค้าเอสเอ็มอีขนาดย่อม ที่ธุรกิจมียอดขายตั้งแต่ 10-75 ล้านบาท/ปี โดยมีจุดขายที่ให้วงเงินสินเชื่อ 2 เท่าของมูลค่าหลักประกัน โดยไม่เสียค่าธรรมเนียมค้ำประกันรายปีให้แก่สถาบันค้ำประกันสินเชื่อ หากลูกค้าผ่อนชำระหนี้ตรงตามเงื่อนไขในงวดที่ 1-12 ธนาคารจะลดดอกเบี้ยให้ 0.25% และหากผ่อนชำระตรงตามเงื่อนไขในงวดที่ 13-24 จะลดดอกเบี้ยอีก 0.25% และใช้อัตราดอกเบี้ยดังกล่าวจนสิ้นสุดสัญญา โดยมีระยะเวลาผ่อนชำระนานถึง 7 ปี

ส่วนลูกค้าเอสเอ็มอีขนาดกลาง ที่มียอดขาย 75-500 ล้านบาท จะมี"สินเชื่อ SME ก้าวไกล" ให้วงเงินสินเชื่อสูงสุด 300 ล้านบาท ผ่อนชำระได้นาน 10 ปี อัตราดอกเบี้ยแบบคงที่หรือลอยตัว
กำลังโหลดความคิดเห็น