"แบงค์ชาติ" เล็งตั้งศูนย์ข้อมูลประวัติเอสเอ็มอี เพื่อเป็นข้อมูลหนุนเอสเอ็มอีเข้าถึงแหล่งเงินทุนสถาบันการเงินได้มากขึ้น พร้อมนำข้อมูลต่างๆ สำหรับปรับใช้เป็นแนวทางในการผ่อนปรนกฎช่วยให้รายย่อยเข้าถึงแหล่งทุนง่ายขึ้น
นายเกริก วณิกกุล รองผู้ว่าด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน การธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า แนวนโยบายของธปท.ในปีนี้ (2554) จะเน้นสนับสนุนธุรกิจระดับกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) และลูกค้าการเงินรายย่อยให้สามารถเข้าถึงแหล่งทุนได้มากขึ้น โดยในปีที่ผ่านมา (2553) ธนาคารพาณิชย์ได้ปล่อยสินเชื่อให้แก่ธุรกิจเอสเอ็มอีมากขึ้น โดยมีขยายตัวประมาณ 7.4%
อย่างไรก็ตาม ทางธปท. เห็นว่า หากต้องการให้เอสเอ็มอีเข้าถึงแหล่งสินเชื่อได้มากขึ้น ต้องพัฒนาการดำเนินงานของเอสเอ็มอีโดยเฉพาะประวัติทางการเงิน และความโปร่งใสของบัญชี เนื่องจากที่ผ่านมา สาเหตสำคัญที่ธนาคารพาณิชย์ไม่ปล่อยสินเชื่อให้เอสเอ็มอี เพราะไม่มีประวัติการเงิน หรือการลงบัญชีที่ยังไม่ได้มาตรฐาน ดังนั้นก่อนจะผ่อนปรนเกณฑ์ต่างๆ ให้สถาบันการเงินปล่อยสินเชื่อให้เอสเอ็มอีได้ต้องลดปัญหานี้ก่อน
นายเกริก กล่าวต่อว่า ผู้ว่าการธปท.(นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล)มีแนวคิดที่จะให้ธปท.ร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องส่งเสริมให้มีศูนย์ข้อมูลของเอสเอ็มอี เพื่อให้เอสเอ็มอีมีแนวทางที่ชัดเจน และมีบุคคลให้คำปรึกษาในการปรับระบบบัญชีให้มีมาตรฐาน รวมทั้งสร้างประวัติการเงินที่ดี เพื่อเป็นข้อมูลให้ธนาคารพาณิชย์พิจารณาปล่อยสินเชื่อ ซึ่งเชื่อว่าจะตัดสินใจได้ง่าย และรวดเร็วมากขึ้น
นอกจากนั้น แนวทางการผ่อนปรนกฎเกณฑ์ในการกำกับสถาบันการเงิน เพื่อช่วยให้การปล่อยสินเชื่อเอสเอ็มอีขยายตัวได้มากขึ้น ทาง ธปท. จะเข้าไปช่วยจัดระบบการเงิน และบัญชีของเอสเอ็มอี ผ่านศูนย์ข้อมูลเอสเอ็มอี ซึ่งจะทำให้ ธปท. ทราบข้อมูลชัดเจนว่า มีกฎเกณฑ์ตัวใดที่ยังเป็นอุปสรรคที่ทำให้ธนาคารพาณิชย์ไม่ปล่อยสินเชื่อถ้ามีเหตุผลและสามารถผ่อนกฏเกณฑ์ดังกล่าวได้ ธปท. พร้อมดำเนินการ
ด้านน.ส.นวพร มหารักขกะ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์สถาบันการเงิน ธปท. กล่าว ธปท.ได้พยายามให้ธนาคารพาณิชย์ดูแลสินเชื่อให้กับเอสเอ็มอี เพราะมีข้อเรียกร้องว่าเอสเอ็มอีมีปัญหาเรื่องเงินทุนหมุนเวียน ซึ่งเมื่อสิ้นปี2553สินเชื่อเอสเอ็มอีนับว่าเติบโตได้ดีพอสมควร โดยขยายตัวที่ 7.4% จากที่ติดลบ 6.9% ในปี 2552 และเชื่อว่า ปีนี้หากมีการเข้าไปดูแลผ่านศูนย์ข้อมูลเอสเอ็มอี ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจที่ดีสินเชื่อเอสเอ็มอีน่าจะขยายตัวได้ต่อเนื่อง
นายเกริก วณิกกุล รองผู้ว่าด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน การธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า แนวนโยบายของธปท.ในปีนี้ (2554) จะเน้นสนับสนุนธุรกิจระดับกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) และลูกค้าการเงินรายย่อยให้สามารถเข้าถึงแหล่งทุนได้มากขึ้น โดยในปีที่ผ่านมา (2553) ธนาคารพาณิชย์ได้ปล่อยสินเชื่อให้แก่ธุรกิจเอสเอ็มอีมากขึ้น โดยมีขยายตัวประมาณ 7.4%
อย่างไรก็ตาม ทางธปท. เห็นว่า หากต้องการให้เอสเอ็มอีเข้าถึงแหล่งสินเชื่อได้มากขึ้น ต้องพัฒนาการดำเนินงานของเอสเอ็มอีโดยเฉพาะประวัติทางการเงิน และความโปร่งใสของบัญชี เนื่องจากที่ผ่านมา สาเหตสำคัญที่ธนาคารพาณิชย์ไม่ปล่อยสินเชื่อให้เอสเอ็มอี เพราะไม่มีประวัติการเงิน หรือการลงบัญชีที่ยังไม่ได้มาตรฐาน ดังนั้นก่อนจะผ่อนปรนเกณฑ์ต่างๆ ให้สถาบันการเงินปล่อยสินเชื่อให้เอสเอ็มอีได้ต้องลดปัญหานี้ก่อน
นายเกริก กล่าวต่อว่า ผู้ว่าการธปท.(นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล)มีแนวคิดที่จะให้ธปท.ร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องส่งเสริมให้มีศูนย์ข้อมูลของเอสเอ็มอี เพื่อให้เอสเอ็มอีมีแนวทางที่ชัดเจน และมีบุคคลให้คำปรึกษาในการปรับระบบบัญชีให้มีมาตรฐาน รวมทั้งสร้างประวัติการเงินที่ดี เพื่อเป็นข้อมูลให้ธนาคารพาณิชย์พิจารณาปล่อยสินเชื่อ ซึ่งเชื่อว่าจะตัดสินใจได้ง่าย และรวดเร็วมากขึ้น
นอกจากนั้น แนวทางการผ่อนปรนกฎเกณฑ์ในการกำกับสถาบันการเงิน เพื่อช่วยให้การปล่อยสินเชื่อเอสเอ็มอีขยายตัวได้มากขึ้น ทาง ธปท. จะเข้าไปช่วยจัดระบบการเงิน และบัญชีของเอสเอ็มอี ผ่านศูนย์ข้อมูลเอสเอ็มอี ซึ่งจะทำให้ ธปท. ทราบข้อมูลชัดเจนว่า มีกฎเกณฑ์ตัวใดที่ยังเป็นอุปสรรคที่ทำให้ธนาคารพาณิชย์ไม่ปล่อยสินเชื่อถ้ามีเหตุผลและสามารถผ่อนกฏเกณฑ์ดังกล่าวได้ ธปท. พร้อมดำเนินการ
ด้านน.ส.นวพร มหารักขกะ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์สถาบันการเงิน ธปท. กล่าว ธปท.ได้พยายามให้ธนาคารพาณิชย์ดูแลสินเชื่อให้กับเอสเอ็มอี เพราะมีข้อเรียกร้องว่าเอสเอ็มอีมีปัญหาเรื่องเงินทุนหมุนเวียน ซึ่งเมื่อสิ้นปี2553สินเชื่อเอสเอ็มอีนับว่าเติบโตได้ดีพอสมควร โดยขยายตัวที่ 7.4% จากที่ติดลบ 6.9% ในปี 2552 และเชื่อว่า ปีนี้หากมีการเข้าไปดูแลผ่านศูนย์ข้อมูลเอสเอ็มอี ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจที่ดีสินเชื่อเอสเอ็มอีน่าจะขยายตัวได้ต่อเนื่อง