ไขกลยุทธ์ทายาท “สุดทางรัก” ต่อยอดร้านซีฟู้ดเจ้าดังคู่พัทยา

ร้านอาหารทะเล “สุดทางรัก” ถือเป็นอีกเจ้าดังประจำเมืองพัทยา ยืนหยัดมานานกว่า 39 ปี โดยปัจจุบันทายาทธุรกิจ อย่าง “บัณฑิต ศิริตันหยง” เข้ามาสานต่อกิจการ พัฒนาทั้งด้านระบบบริหาร และการตลาด พร้อมต่อยอดให้ร้านอาหารแห่งนี้ก้าวสู่มิติใหม่ ขยายรองรับธุรกิจเกี่ยวเนื่องอย่างครบวงจร

บัณฑิต ศิริตันหยง กรรมการผู้จัดการ บริษัท สุดทางรัก จำกัด ทายาทกิจการร้าน “สุดทางรัก” เข้ามารับช่วงธุรกิจตั้งแต่ 10 กว่าปีที่แล้ว ด้วยเป้าหมายอยากรักษาชื่อเสียงร้านที่ได้รับความนิยมมายาวนาน พร้อมขยายกิจการจากเจ้าดังในท้องถิ่นสู่เจ้าดังระดับประเทศ

“ตอนที่ผมมารับช่วงกิจการ เห็นว่าสาขาแรกที่แหลมฉบัง ตลาดค่อนข้างจะเต็มแล้ว เนื่องจากลูกค้าหลัก เป็นคนกลุ่มเดิมๆ ที่ทำงานในนิคมอุตสาหกรรม ผมจึงอยากขยายสู่กลุ่มนักท่องเที่ยวมากยิ่งขึ้น ซึ่งเวลานั้น ถนนบายพาสตัดใหม่ ช่วยการเดินทางสะดวกขึ้น ทำให้ผมตัดสินใจลงทุนเปิดร้านสาขา 2 ที่ริมถนนเลียบหาดจอมเทียน ซึ่งถือเป็นร้านอาหารแห่งที่ 2 บนถนนสายนี้” บัณฑิต เล่าย้อนถึงจุดเปลี่ยนเมื่อเข้ามารับช่วงกิจการ

กลยุทธ์ในการทำตลาดเบื้องต้นอาศัยชื่อเสียงร้านที่แข็งแรงอยู่แล้วเป็นตัวเรียกลูกค้าให้มาทดลอง โดยวางระดับราคาอาหาร ที่ลูกค้ายอมรับได้ ระยะแรกๆ ต่อคนจะใช้จ่ายประมาณ 300 บาท สำหรับการมากินอาหารทะเลแล้ว ราคาดังกล่าวถือว่าไม่สูงเกินไป จนเมื่อฐานลูกค้าขาประจำปริมาณมากเพียงพอ ค่อยๆ สอดแทรกสิ่งจูงใจ เช่น ดนตรีแสดงสด ร้านกาแฟ ร้านสินค้าที่ระลึก จัดมุมถ่ายภาพ ชมวิว ห้องน้ำสวยงามสะอาดระดับประเทศ ทั้งหมดล้วนมีส่วนช่วยให้ได้กลุ่มลูกค้านักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อสูงขึ้น รวมถึง กิจกรรมต่างๆ ช่วยดึงดูดใจให้ลูกค้านั่งอยู่ในร้านนานยิ่งขึ้น ทำให้ค่าใช้จ่ายต่อคนจะเพิ่มขึ้นไปด้วย ปัจจุบัน ใช้จ่ายประมาณ 500 บาทต่อคน นอกจากนั้น ช่วยเพิ่มสัดส่วนรายได้จากเครื่องดื่มเป็น 28% จากเดิมอยู่ที่ประมาณ 20% ซึ่งจุดนี้ถือเป็นกำไรสำคัญของร้าน โดยเฉลี่ยแล้ว ร้านสาขาจอมเทียม มีลูกค้าเฉลี่ยประมาณ 10,000 คนต่อเดือน

@@@@@@เปิดกลยุทธ์บริหารร้าน @@@@@@@@@

บัณฑิต ระบุว่า หัวใจของการทำธุรกิจร้านอาหาร คือ ต้องบริหารต้นทุนให้เหมาะสมตลอดเวลา ซึ่งทางร้านจะมีทั้งซื้อวัตถุดิบจากตัวแทนขายโดยตรง และลงตลาดซื้อหาเอง โดยจะคำนึงถึงความคุ้มค่าเป็นสำคัญ เช่น ฤดูมะนาวแพง ลูกละ 3-5 บาท ซึ่งร้านต้องใช้กว่า 10,000 ลูกต่อเดือน ดังนั้น จะขับรถไปซื้อเองถึงสวนใน จ.ราชบุรี ทำให้ต่อปีประหยัดเงินได้เกือบแสนบาท

นอกจากนั้น มีระบบสต๊อกกลางสำหรับเก็บสำรองวัตถุดิบต่างๆ ไว้กระจายให้ทั้งสองสาขา ช่วยป้องกันความเสี่ยงราคาผันผวน และควบคุมต้นทุนได้ง่ายกว่า ในอนาคตจะขยายทำห้องเย็น เพื่อสต๊อกวัตถุดิบของสด ซึ่งจะช่วยให้กำไรของร้านต่อหน่วยสูงขึ้นเป็น 42-45% จากปัจจุบันอยู่ที่ราว 37%

ส่วนการบริหารพนักงานที่มีกว่า 100 ชีวิตนั้น เขาเผยว่า สิ่งสำคัญพยายามสร้างวินัยทางการเงินให้แก่พนักงาน เพราะเชื่อว่า หากมีความเป็นอยู่ที่ดีแล้ว ก็จะทำงานบริการได้ดีด้วย โดยใช้วิธีแบ่งจ่ายค่าแรงเป็นรายสัปดาห์ ซึ่งวิธีนี้จะช่วยให้พนักงานเหลือเงินเก็บมากกว่าจ่ายรายเดือนครั้งเดียว อีกทั้ง ตั้งเป้ายอดขาย หากทำได้จะมีทั้งเงินพิเศษ และปรับเงินเดือน เพื่อสร้างแรงจูงใจ รวมถึง เงินค่าทิปทั้งหมดจะนำมารวมกัน แล้วหารเฉลี่ยให้ทุกคนทั้งส่วนเสิร์ฟ บริการ และครัว ทำให้ทุกเดือนแต่ละคนจะมีรายได้พิเศษเพิ่มในส่วนนี้อีก 400-600 บาท

และอีกกลยุทธ์ที่เรียบง่ายแต่ใช้ได้ผลดีเยี่ยม จนกลายเป็นจุดขายของร้านนี้ คือ จะเน้นเมนูอาหารทะเลแกะสำเร็จรูปพร้อมรับประทาน เพิ่มความสะดวกสบายให้แก่ลูกค้า โดยเฉพาะกลุ่มคู่รักที่ถือเป็นลูกค้าสำคัญของร้าน

“ผมพยายามบอกลูกน้องให้คิดในมุมลูกค้าว่า เขาต้องการอะไร ซึ่งร้านของเรา ลูกค้าหลักเป็นกลุ่มคู่รัก แต่งตัวสวยๆ มานั่งกินอาหารทะเล ถ้าต้องมานั่งแกะปูมันก็เสียบรรยากาศ ดังนั้น อาหารทะเลของเราจะเน้นทำมาสำเร็จรูป ซึ่งสิ่งเหล่านี้ เกิดมาจากที่เราศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภค นำข้อติมาปรับปรุง จนตอบความต้องการของลูกค้าได้ถูกต้อง” ทายาทธุรกิจเผย

@@@@@@@ ต่อยอดขยายสู่ครบวงจร @@@@@@@@

บัณฑิต เผยด้วยว่า ก้าวต่อไปของร้าน “สุดทางรัก” จะไม่เป็นเพียงร้านอาหารทะเลเท่านั้น แต่จะใช้ศักยภาพจากชื่อเสียงร้านที่ยาวนานต่อยอดสู่ธุรกิจอื่นๆ ที่ใกล้เคียง ที่ผ่านมา ได้ขยายสู่การใช้สถานที่ร้านรับจัดงานเลี้ยงต่างๆ แล้ว เช่น พิธีแต่งงาน วันเกิด สัมมนา และงานอีเว้นท์ต่างๆ นำเสนอจุดเด่นชื่อเสียงร้านที่คนทั่วไปรู้จักดี อีกทั้ง ค่าจ่ายต่างๆ ประหยัดกว่าเช่าโรงแรม และสามารถยืดหยุ่นทั้งรูปแบบงาน จำนวนโต๊ะ และเมนูอาหาร ตามความต้องการของลูกค้า

“ผมจะชูคำขวัญว่า “ครั้งหนึ่งในชีวิตที่สุดทางรัก” เพื่อให้คู่รัก หรือกลุ่มเพื่อน ครอบครัว ที่เคยมีความประทับใจในร้านอาหารของเรา เข้ามาจัดงานเลี้ยงที่ร้าน ซึ่งตลาดนี้มีกำลังซื้อสูงมาก แต่ที่ผ่านมา เรามีข้อจำกัดด้านสถานที่ยังไม่พร้อม กระทั่ง ปีนี้ ผมได้ลงทุนเพิ่มประมาณ 60 ล้านบาท โดยใช้ทุนส่วนตัวบวกกับขอสินเชื่อจากเอสเอ็มอีแบงก์ (ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย) มาขยาย และปรับปรุงพื้นที่ร้านให้รองรับตลาดนี้โดยเฉพาะ” บัณฑิต เผย

นอกจากนั้น เตรียมจะขยายสาขาร้านสุดทางรักในพื้นที่กรุงเทพฯ เพื่อให้ลูกค้าคนเมืองไม่ต้องเดินทางไปถึงพัทยา ก็ได้กินอาหารทะเลสดเช่นกัน ซึ่งเวลานี้อยู่ในระหว่างหาทำเลเหมาะสม

ไม่เท่านั้น ทายาทธุรกิจ เผยในตอนท้ายว่า แผนระยะต่อไป จะขยายพื้นที่ร้าน สำหรับทำรีสอร์ต จูงใจให้นักท่องเที่ยวที่มาพักผ่อนย่านหาดจอมเทียน นอกจากจะกินอาหารที่ร้านสุดทางรักแล้ว สามารถจะอยู่พักผ่อนได้อีกด้วย ซึ่งเป็นแนวคิดที่อยากให้แต่ละธุรกิจต่อยอดเกื้อหนุนกันและกันได้อย่างครบวงจร

@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@