ตั้งเป้าเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจไทย ไม่ต่ำกว่า 20% ของจีดีพี และมีอัตราเติบโตไม่ต่ำกว่า ปีละ 5% ระบุดันให้ สศช. บรรจุ ศก.สร้างสรรค์ลงในแผนพัฒนาเศรษฐกิจ ฉบับที่ 11
นายอลงกรณ์ พลบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวภายหลังเป็นประธานเปิดสัมมนา “อุตสาหกรรมสร้างสรรค์กับการพัฒนาเศรษฐกิจไทย” จัดโดยสถาบันคีนันแห่งเอเชีย ว่า ในอนาคตเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ ( Creative Economy) มีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาประเทศ ซึ่งรัฐบาลตั้งเป้าจะให้เศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ โดยต้องมีสัดส่วนเพิ่มเป็น 20% ของจีดีพี และมีอัตราเติบโตปีละไม่ต่ำกว่า 5%
นอกจากนี้ รัฐบาลจะผลักดันให้สำนักงานพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) จัดทำแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 11 ซึ่งจะเริ่มใช้ในปี 2555 เป็นต้นไป มีการกำหนดยุทธศาสตร์การพัฒนาเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ไว้ในเนื้อหา เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาในระยะกลางและยาว ส่วนการพัฒนาบุคลากร จะมีการบรรจุหลักสูตรที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ ในหลักสูตรของนักเรียนตั้งแต่ประถม มัธยม และอาชีวะ
สำหรับกระทรวงพาณิชย์ จะเร่งส่งเสริมเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ โดยเฉพาะธุรกิจภาพยนตร์ที่มีแนวโน้มเติบโตและสร้างรายได้อย่างมาก โดยในปลายสัปดาห์นี้จะร่วมกับสมาคมภาพยนตร์แห่งชาติของไทย เดินทางไปเยือนสหรัฐฯ เพื่อเจรจากับสมาคมภาพยนตร์แห่งชาติสหรัฐฯ ในการร่วมมือผลิตภาพยนตร์การ์ตูนในโครงการที่จะเป็นความร่วมมือ 5 ประเทศ คือ ไทย สหรัฐฯ ฝรั่งเศส จีน และอินเดีย ซึ่งจะเป็นการ์ตูนที่ยิ่งใหญ่คล้ายกับภาพยนตร์แอนนิเมชั่นเรื่อง LION KING
อีกทั้ง เจรจากับสมาคมภาพยนตร์ของสหรัฐฯ และผู้ผลิตภาพยนตร์ของฮอลลีวูดให้มีการสนับสนุนดาราไทย อย่างจา พนม ยีรัมย์ ให้ไปร่วมแสดงในระดับอินเตอร์มากขึ้น นอกจากนี้จะมีการส่งเสริมให้พัฒนาบุคลากรในอาชีพที่เกี่ยวข้องกับการเขียนบทภาพยนตร์ให้มีคุณภาพมากขึ้นด้วย
