ในช่วงที่หลายๆคนมองหาของขวัญเพื่อมอบให้กันวันส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ ดอกไม้กระป๋อง น่าจะเป็นของขวัญแนวใหม่ ที่สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้รับ โดยเฉพาะคนที่ชื่นชอบความสวยงามตามธรรมชาติของต้นไม้และดอกไม้ คงจะถูกใจกับดอกไม้กระป๋อง
นายปณิธิ ปิยสถิธรรม เจ้าของผลงาน เล่าว่า ดอกไม้กระป๋อง เป็นการนำพืชประเภทไม้ดอกไม้ประดับ เช่น พริก สะระแหน่ ดอกทานตะวันแคระ ต้นคริสต์มาส เป็นต้น มาเพาะปลูกอยู่ในกระป๋องที่คล้ายกับกระป๋อง เครื่องดื่ม ด้วยการนำเมล็ดมาเพาะกับอาหารของพืช เช่น กากหรือขุยของพืชต่างๆ และปุ๋ย ซึ่งเป็นสูตรที่ทำขึ้นมาเฉพาะสำหรับดอกไม้กระป๋อง และอาหารของพืชจะช่วยทำให้ต้นไม้เติบโตได้ในกระป๋อง และเมื่อโตเต็มที่สามารถนำไปขยายลงในกระถางได้
ทั้งนี้ เมื่อเตรียมทั้งเมล็ดพันธุ์ที่สมบูรณ์ พร้อมกับอาหารของพืชและนำไปใส่ลงในกระป๋องแล้วก็ปิดฝา ภาพที่ออกมาเหมือนกับเครื่องดื่มกระป๋องทั่วๆไป แต่เป็นดอกไม้กระป๋อง สามารถเก็บไว้ได้เป็นปี และเมื่อต้องการจะปลูกต้นไม้ เพียงแค่เปิดฝากระป๋อง และรดน้ำ ต้นไม้ก็จะเจริญเติบโตเหมือนกับปลูกในกระถางทั่วๆไป ซึ่งพืชแต่ละชนิดใช้เวลาในการเพาะให้เติบโตแตกต่างกันออกไป เช่น สะระแหน่ หรือ พริก ใช้เวลาเพียง 6 วันถึง 10 วัน พืชก็โตสวยงาม หรือไม้ดอกบางชนิดใช้เวลานานถึง 2 สัปดาห์ หรือ บางชนิดใช้เวลานาน 2 เดือนถึง 3 เดือนกว่าจะออกดอก เช่น ดอกทานตะวันแคระ เป็นต้น
นอกจากไม้ดอกไม้ประดับแล้ว สินค้าที่ได้รับความนิยมอีกอย่างหนึ่ง คือ Magic Bean การเพาะถั่วในไข่ที่หล่อและปั้นขึ้นมาจากดิน (เครื่องปั้นดินเผา) และเมื่อนำไข่ไปแช่ในน้ำ น้ำจะซึมผ่านไข่ ทำให้เมล็ดถั่วอยู่ภายในงอก และดันเปลือกไข่แตกออกมา ซึ่งการเพาะถั่วจะเติบโตง่าย เร็ว และมีความสวยงาม โดยสามารถยิงเลเซอร์ตัวอักษรตามต้องการลงไปบนเมล็ดถั่ว เมื่อถั่วงอกออกมาก็จะปรากฎตัวอักษรหรือข้อความนั้น ทำให้ Magic Bean ได้รับความนิยมอย่างมาก ในการนำไปมอบให้กันเป็นของขวัญในช่วงวันสำคัญต่างๆ
“สินค้าทั้งหมด ผมเพิ่งจะเริ่มออกมาทำตลาดได้ประมาณ 1 เดือน โดยออกงานแรกในงานแสดงสินค้าเทศกาลต้อนรับปีใหม่ ที่จัดโดยกระทรวงพาณิชย์ ที่เมืองทองธานี ในช่วงที่ผ่านมา เหมือนกับเป็นการทดลองตลาด สินค้าทั้งหมดผมนำเข้ามาจากประเทศไต้หวัน แต่มีแผนที่จะผลิตออกมาจำหน่ายเองในเร็วๆ นี้ ซึ่งทุกอย่างได้เตรียมพร้อมแล้ว แต่เนื่องจากการออกงานครั้งแรกยังเตรียมแบรนด์ของตัวเองไม่ทัน และต้องการจะทดสอบตลาดคนไทยด้วยว่า ให้ความสนใจกับผลิตภัณฑ์ชนิดนี้มากน้อยแค่ไหน”
ในส่วนของดอกไม้กระป๋องที่นำเข้ามานี้มีอยู่ด้วยกัน 6 ชนิด คือ Christmas Flower,Lavender, Bhut Jolokia,Venus Fly Trap ,Cherry Pepper , Peppermint ราคาจำหน่ายขึ้นอยู่กับชนิดของต้นไม้ โดยราคาเริ่มต้นที่กระป๋องละ 90 บาท ไปจนถึง 130 บาท หรือบางชนิดมีราคาสูงเป็นหลักหลายร้อยบาท ถ้าเป็นต้นไม้ที่เพาะได้ยาก เช่น ดอกทานตะวันแคระ ซึ่งจะเห็นว่าต้นไม้แต่ละชนิด เป็นต้นไม้ที่มีความหมายที่เหมาะกับหนุ่มสาวนำไปมอบให้กันในช่วงเทศกาลสำคัญต่างๆ
“สำหรับดอกไม้กระป๋องที่เป็นผลงานการผลิตของเรา สามารถเลือกชนิดของต้นไม้ได้มากกว่า เพราะบ้านเรามีพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับอยู่มากมายที่จะสามารถนำมาใช้เป็นดอกไม้กระป๋องของเราได้ ทำให้ขยายกลุ่มลูกค้าได้กว้างขึ้น เช่น พืชผักสวนครัว โดยจะได้ลูกค้าในกลุ่มที่ไม่มีพื้นที่เพาะปลูกอย่างสังคมเมืองในปัจจุบัน และต้องการพืชผักสวนครัวแบบปลอดสารพิษไว้กินเองได้ โดยที่ไม่ต้องใช้พื้นที่มาก และในปัจจุบันคนในกลุ่มนี้ในบ้านเราก็เพิ่มมากขึ้น ซึ่งคิดว่าต้นไม้กระป๋องรองรับลูกค้ากลุ่มนี้ได้นอกเหนือจากกลุ่ม ที่จะนำไปมอบเป็นของขวัญในช่วงเทศกาลสำคัญ และในส่วนของเราที่ผลิตเอง ราคาก็จะไม่สูงมาก ราคาถูกลงมากกว่า 50% โดยราคาจะแพงที่ต้นทุนกระป๋องเพราะไม่สามารถผลิตเองได้ แต่ในส่วนเมล็ดพันธุ์ กับอาหารพืชในบ้านเราราคาถูกมาก”
อย่างไรก็ตาม คุณปณิธิ มองว่า จริงๆ แล้วสินค้าในกลุ่มนี้เหมาะสมกับลูกค้าในกลุ่มของวัยรุ่น เพราะชอบของแปลกใหม่ และสินค้าขายไอเดีย โดยดอกไม้กระป๋องสามารถตอบโจทย์ดังกล่าวได้ ดังนั้น ต้นไม้และะดอกไม้ที่เลือกมาใช้ จึงให้ความสำคัญกับความหมายที่แสดงถึงความรักของหนุ่มสาว ส่วนช่องทางการขายเป็นร้านกิ๊ฟชอป เพราะเป็นแหล่งชอปของวัยรุ่น และขายผ่านเว็บไซต์ ทางอินเทอร์เน็ต ซึ่งเป็นแหล่งชอปของคนในวัยทำงาน และวัยรุ่น เช่นกัน การขายผ่านอินเทอร์เน็ตมีข้อดี คือ ต้นทุนถูก และได้ลูกค้าครอบคลุมพื้นที่ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
โทร. 08-3990-0364