เคยไหมเมื่อครั้งเป็นเด็กอยากจะเรียนอะไรแล้วไม่ได้เรียน โดยผู้ปกครองให้เหตุผลว่าควรเอาเวลาไปเรียนในโรงเรียนให้เต็มที่ มากกว่าไปเรียนด้านร้อง รำ ทำเพลง หรือแม้กระทั่งศิลปะ แต่ในสมัยนี้ผู้ปกครองรุ่นใหม่ต่างหันมาให้ความสำคัญกับการเรียนเหล่านี้มากขึ้น โดยเชื่อว่าจะช่วยฝึกทักษะให้แก่บุตรหลานได้เป็นอย่างดี
จากจุดนี้เองทำให้หนึ่งในผู้ปกครองที่ต้องคลุกคลีอยู่กับเด็กและโรงเรียนเล็งเห็นช่องทางธุรกิจ ที่เกิดจากการที่เด็กอยากเรียนอะไรแล้วไม่ได้เรียน บางครั้งเมื่อพ้นช่วงเวลาดังกล่าวความอยากเรียนของเด็กจะหายไป สุดท้ายตัดสินใจเปิด “Monkey Club สถาบันศิลปะและดนตรีนานาชาติ” โดยมุ่งเน้นให้เด็กใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ด้วยกิจกรรมสร้างสรรค์ เพิ่มทักษะ
นุชนาฏ สายชมภู ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์ Monkey Club สถาบันศิลปะและดนตรีนานาชาติ เล่าว่า เป็นธุรกิจที่ร่วมหุ้นกันในพี่น้อง 3 คน ที่จากเดิมแต่ละคนต่างทำงานที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการศึกษาเลย ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจสถานีบริการน้ำมัน และอสังหาริมทรัพย์ เป็น ต้น แต่อาศัยการสังเกต และการที่ต้องคลุกคลีอยู่กับสถานศึกษาของลูก ทำให้เห็นว่าในปัจจุบัน ผู้ปกครองส่วนใหญ่เป็นคนรุ่นใหม่กันมากขึ้น ซึ่งการเลี้ยงและดูแลลูกจะแตกต่างจากในสมัยก่อน ที่ไม่ค่อยให้ความสำคัญในการหากิจกรรมเพิ่มทักษะให้แก่ลูก แต่ในความเป็นจริงกิจกรรมก็เป็นสิ่งที่ช่วยเสริมทางด้านการเรียนรู้ของลูกได้อีกทางหนึ่ง โดยที่เด็กไม่เบื่อหน่ายในการเรียนรู้สิ่งเหล่านี้ด้วย
“สถาบันฯ ของเราเน้นเรียนการสอนที่เป็นอิสระ ให้ผู้เรียนได้คิดสร้างสรรค์จินตนาการด้วยตนเอง ได้ทำในสิ่งที่ตนเองรัก เช่น งานศิลปะทุกชนิด ได้แก่ วาดรูป ระบายสี งานประดิษฐ์ งานปั้น และถักไหมพรม, ดนตรีสากลทุกประเภท ได้แก่ เปียโน กีต้าร์ ไวโอลิน ร้องเพลง และห้องบันทึกเสียง, การเต้นทุกประเภท ได้แก่ บัลเล่ต์ ลาติน แจ๊ซ บอลรูม Hip-Hop B-Boy K-Pop J-pop และ Poppingหรือแม้กระทั่งกีฬา อย่าง มวยไทย เป็นต้น ซึ่งเรียกว่าค่อนข้างครบวงจร ส่งผลให้ไม่เพียงแต่เด็กเท่านั้นที่สนใจมาเรียน ในส่วนของผู้ปกครองก็เลือกเรียนเช่นกัน แต่ในวัตถุประสงค์ที่แตกต่างจากเด็ก คือมาเรียนเพื่อผ่อนคลาย สร้างสมาธิ และทำให้สมองได้พักผ่อนพร้อมกับการไปลุยงานต่อไป”
ทั้งนี้ในส่วนของครูผู้สอน ถือว่า Monkey Club ค่อนข้างพิถีพิถัน เอาใจใส่ในเรื่องครูผู้สอนเป็นสำคัญ โดยใช้ครูที่เชี่ยวชาญเฉพาะด้านมาถ่ายทอดความรู้ให้กับผู้เรียน หรือเลือกครูตามวัตถุประสงค์ของผู้เรียน เช่น การเรียนกีต้าร์ ก็จะใช้ครูที่จบมาทางด้านกีต้าร์แต่ละประเภทโดยตรง หรือมาเรียนเพื่อไปเป็นศิลปิน ก็จะมีครูที่เชี่ยวชาญด้านนี้โดยตรงเช่นกัน ส่งผลให้ทางสถาบันฯ มีครูในสังกัด ที่สามารถติดต่อให้มาสอนเด็กได้มากถึง 70-80 คนเลยทีเดียว โดยครูจะดูพื้นฐานของเด็ก และความชอบที่เหมาะสมให้กับเด็ก พร้อมให้เด็กได้ลองเล่นในสิ่งที่ตนเองรัก แต่หากทำได้ไม่ดี ครูจะเป็นผู้แนะนำกิจกรรมที่เห็นว่าเด็กมีทักษะด้านดังกล่าวที่จะสามารถต่อยอดไปได้ ซึ่งวิธีนี้เป็นการไม่ยัดเยียดการเรียนให้เด็กมากจนเกินไป
“การที่สถาบันฯ ของเรา เน้นการเรียนการสอนให้กับคนทุกเพศทุกวัยได้เรียนรู้ในการทำกิจกรรมในวันว่าง ทำให้เราออกแบบตกแต่งสถานที่ให้รู้สึกอบอุ่นเหมือนอยู่บ้าน ที่นอกจากจะมีกิจกรรมสนุกๆ ให้เลือกทำแล้ว ยังมีอาหารที่เลือกสรรวัตถุดิบเป็นอย่างดี เหมือนการทำอาหารรับประทานเองที่บ้าน เน้นความสะอาดและปลอดภัย ปราศจากผงชูรส โดยมีให้เลือกทั้งอาหารไทย เวียดนาม อิตาเลี่ยน รวมถึงกาแฟ ชา และเบเกอรี่ เป็นต้น”
สำหรับแผนธุรกิจในอนาคตทาง Monkey Club จะทำการประชาสัมพันธ์การสอนมวยไทยให้กับชาวต่างชาติ โดยต้องการให้มวยไทยเป็นศิลปะการต่อสู้ให้อยู่คู่คนไทยไปนานๆ ส่วนการเรียนการสอนด้านอื่นๆ จะประสานงานกับโรงเรียนต่างๆ จัดคอร์สให้เด็กได้มาเรียนเป็นอีกหนึ่งวิชาที่สถาบันฯ รวมถึงจะจำลองสถานีวิทยุขนาดเล็ก เพื่อเป็นการเพิ่มทักษะให้ผู้เรียนด้านนักจัดรายการวิทยุใช้เป็นสนามทดสอบฝีมือ
***ติดต่อ Monkey Club ศุภาลัย เพลส ซอยสุขุมวิท 39 โทร 0-2662-3483-4 หรือที่ www.mymonkeyclub.com***