ก.พาณิชย์ฯ เร่งผลักดันชุมชนเกษตรอินทรีย์ “ออร์แกนิค คอมมูนิตี้”อย่างเป็นระบบ นำร่องจังหวัดอุบลราชธานี รองรับความต้องการสินค้าเกษตรอินทรีย์ทั้งในและต่างประเทศที่เพิ่มสูงขึ้นกว่า 1 แสนล้านเหรียญสหรัฐ มุ่งเป้าตลาดส่งออกหลัก สหรัฐอเมริกา และยุโรป ตั้งเป้าส่งออกปี 2553 กว่า 5 พันล้านบาท
ผศ.ดร.วีระศักดิ์ จินารัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงความคืบหน้าของการผลักดันชุมชนเกษตรอินทรีย์ หรือ “ออร์แกนิค คอมมูนิตี้” ว่า ขณะนี้ ได้เริ่มดำเนินการในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานีเป็นแห่งแรก ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพประชากร กลุ่มเป้าหมายมีกำลังซื้อและอยู่ใกล้กับแหล่งผลิต ซึ่งมีแนวโน้มความเป็นไปได้ในการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการ ผู้ผลิต ผู้จัดจำหน่าย ร่วมตัวกันสร้างสังคม ออร์แกนิค คอมมูนิตี้ที่ชัดเจนและเป็นรูปธรรมขึ้น และมีความเหมาะสมอย่างยิ่งในการเข้าไปส่งเสริมการค้าการลงทุนด้านเกษตรอินทรีย์อย่างเป็นระบบมากขึ้น
ทั้งนี้ ได้มีการเจรจากับห้างเอสเคปาร์ค เพื่อจัดให้เป็นแหล่งจำหน่ายสินค้าเกษตรอินทรีย์ทั้งหมดที่ผลิตในจังหวัดอุบลราชธานีและพื้นที่ใกล้เคียง เปิดโอกาสให้สินค้าเกษตรอินทรีย์ได้เข้าสู่ตลาด และอำนวยความสะดวกให้ผู้บริโภคสามารถหาซื้อสินค้าได้ง่ายขึ้น ซึ่งคณะทำงานก็ได้มีการศึกษาตัวอย่างจากประเทศที่ประสบความสำเร็จในการผลักดันให้เกิดออร์แกนิค คอมมูนิตี้มาแล้ว เช่น แคนาดา สหรัฐอเมริกา และออสเตรเลีย เพื่อนำมาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับประเทศไทย
อย่างไรก็ตาม ต่อไปจะมีการจัดอบรมผู้ผลิต ผู้ประกอบการเพื่อร่วมกันกำหนดแนวทางพัฒนาคุณภาพสินค้าและขยายตลาดให้กว้างขวางขึ้น สอดคล้องกับปริมาณความต้องการสินค้าเกษตรอินทรีย์ที่ปรับตัวสูงขึ้นทั้งตลาดภายในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งคาดว่าในปีหน้าจะมีมูลค่าตลาดทั่วโลกสูงถึง 1 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ ขณะที่รัฐบาลเองก็เร่งส่งเสริมการส่งออกไปสู่ตลาดหลัก ได้แก่ สหรัฐอเมริกา และยุโรป รวมถึงขยายไปสู่ตลาดใหม่ เช่น ออสเตรเลีย บราซิล ชิลี เป็นต้น โดยตั้งเป้าอัตราเติบโตของมูลค่าการค้าการส่งออกสินค้าเกษตรอินทรีย์ไทยในปี 2553 เพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 5,000 ล้านบาท จากปัจจุบันที่มีมูลค่า 3,600 ล้านบาท
ผศ.ดร.วีระศักดิ์ จินารัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงความคืบหน้าของการผลักดันชุมชนเกษตรอินทรีย์ หรือ “ออร์แกนิค คอมมูนิตี้” ว่า ขณะนี้ ได้เริ่มดำเนินการในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานีเป็นแห่งแรก ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพประชากร กลุ่มเป้าหมายมีกำลังซื้อและอยู่ใกล้กับแหล่งผลิต ซึ่งมีแนวโน้มความเป็นไปได้ในการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการ ผู้ผลิต ผู้จัดจำหน่าย ร่วมตัวกันสร้างสังคม ออร์แกนิค คอมมูนิตี้ที่ชัดเจนและเป็นรูปธรรมขึ้น และมีความเหมาะสมอย่างยิ่งในการเข้าไปส่งเสริมการค้าการลงทุนด้านเกษตรอินทรีย์อย่างเป็นระบบมากขึ้น
ทั้งนี้ ได้มีการเจรจากับห้างเอสเคปาร์ค เพื่อจัดให้เป็นแหล่งจำหน่ายสินค้าเกษตรอินทรีย์ทั้งหมดที่ผลิตในจังหวัดอุบลราชธานีและพื้นที่ใกล้เคียง เปิดโอกาสให้สินค้าเกษตรอินทรีย์ได้เข้าสู่ตลาด และอำนวยความสะดวกให้ผู้บริโภคสามารถหาซื้อสินค้าได้ง่ายขึ้น ซึ่งคณะทำงานก็ได้มีการศึกษาตัวอย่างจากประเทศที่ประสบความสำเร็จในการผลักดันให้เกิดออร์แกนิค คอมมูนิตี้มาแล้ว เช่น แคนาดา สหรัฐอเมริกา และออสเตรเลีย เพื่อนำมาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับประเทศไทย
อย่างไรก็ตาม ต่อไปจะมีการจัดอบรมผู้ผลิต ผู้ประกอบการเพื่อร่วมกันกำหนดแนวทางพัฒนาคุณภาพสินค้าและขยายตลาดให้กว้างขวางขึ้น สอดคล้องกับปริมาณความต้องการสินค้าเกษตรอินทรีย์ที่ปรับตัวสูงขึ้นทั้งตลาดภายในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งคาดว่าในปีหน้าจะมีมูลค่าตลาดทั่วโลกสูงถึง 1 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ ขณะที่รัฐบาลเองก็เร่งส่งเสริมการส่งออกไปสู่ตลาดหลัก ได้แก่ สหรัฐอเมริกา และยุโรป รวมถึงขยายไปสู่ตลาดใหม่ เช่น ออสเตรเลีย บราซิล ชิลี เป็นต้น โดยตั้งเป้าอัตราเติบโตของมูลค่าการค้าการส่งออกสินค้าเกษตรอินทรีย์ไทยในปี 2553 เพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 5,000 ล้านบาท จากปัจจุบันที่มีมูลค่า 3,600 ล้านบาท