สถาบันหม่อนไหมแห่งชาติ เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้จัดประกวดผ้าไหมจากกลุ่มประเทศอาเซียน เพื่อเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
โดยมี ๖ ประเทศที่ส่งผลงานเข้าประกวด คือ ลาว พม่า อินโดนีเซีย มาเลเซีย เวียดนาม และ ไทย การประกวดครั้งนี้มีผู้ชนะเลิศรางวัล TOP AWARD จำนวน ๔ ราย ได้แก่ ผ้าจกไหมเคมี จากประเทศลาว ผ้าไหมแกมทอง เงิน นาก จากประเทศไทย ผ้าไหมเกาะล้วงสีเคมีจากประเทศ อินโดนีเซีย และผ้าไหมพื้นและผ้าไหมมัดหมี่ จากประเทศไทย
นางสาวอัญชลี พงค์ศิริแสน ผู้ได้รับรางวัล Top award ประเภทผ้ายกไหมแกมทอง เงิน นาก จากจังหวัดแพร่ เล่าว่า ผ้าทอยกไหมผืนนี้ เป็นผ้าทอที่ทอตามลักษณะของพระภูษาทรงแบบโบราณ ใช้สำหรับแต่งกายในพระราชพิธีต่างๆ รูปแบบผืนผ้าทอยกด้วยดิ้นพิเศษ ท้องผ้าทอยกด้วยไหม เป็นลวดลายไก่ฟ้าพญาลอ มีช่อแทงลายโดยรอบท้องผ้า มีขอบฟ้า (สังเวียน) ประกบทั้ง 2 ด้าน โดยตลอดความยาวของผืนผ้าทอเป็นลวดลายช่อดอกไม้ ตกแต่งด้วยเชิงหน้าผ้า 2 ชิ้น โดยกรวยเชิงชั้นล่างเป็นรูปกรวยเชิงใบเทศ ส่วนด้านบนเป็นกรวยเชิงรูปทรงใบไม้ ประกอบดอกไม้คั่นตรงข้อเชิงด้วยลายดอกไม้เครือเถาว์
สำหรับผ้าผืนนี้นั้นได้ทอต่อหน้าพระพักตร์ ของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ ในงานตรานกยูงพระราชทาน สืบสานตำนานไหมไทย เมื่อปีที่ผ่านมา และเพิ่งจะทอเสร็จปีนี้ สนนราคาผ้าผืนนี้อยู่ที่ประมาณ 200,000 บาท
นางระเบียบ ศรีลาไลย์ ผ้าทอจากบ้านสวาย จังหวัดสุรินทร์ ผู้ได้รับรางวัล Top Award การประกวดผ้าไหมระดับอาเซียน ประเภทผ้าไหมพื้นและผ้าไหมมัดหมี่ เล่าว่า ปกติจะทำนา และทอผ้าใช้เองที่บ้าน ต่อมาได้รวมกลุ่มแม่บ้านทอผ้าไหมขาย และได้จดทะเบียนมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน เมื่อ 6 ปีที่ผ่านมา ผ้าไหมมัดหมี่ที่ได้รับรางวัล เป็นผ้าที่ทำร่วมกันของกลุ่มแม่บ้าน 5 คนๆละหน้าที่คือ กรอไหม ย้อมไหม มัดไหม และทอ ซึ่งตนจะเป็นคนออกแบบลายผ้า และมัดไหม แบบลายผ้าที่เลือกเป็นรูปสัตว์ลายโบราณ 12 นักษัตร
โดยใช้เวลาทอ 5-6 เดือน เพราะจะยากตรงที่ต้องมัดให้เป็นรูปสัตว์ประเภทต่างๆ ทั้งใหญ่บ้าง เล็กบ้าง ซึ่งต้องใช้ฝีมือและสมาธิค่อนข้างมาก ตอนแรกตั้งใจทำแล้วเก็บไว้ เพราะชอบที่จะทำลายผ้าโบราณที่หาดูได้ยาก รู้สึกดีใจและเป็นเกียรติอย่างมากที่ได้รับรางวัลและมาร่วมงานในครั้งนี้
โดยมี ๖ ประเทศที่ส่งผลงานเข้าประกวด คือ ลาว พม่า อินโดนีเซีย มาเลเซีย เวียดนาม และ ไทย การประกวดครั้งนี้มีผู้ชนะเลิศรางวัล TOP AWARD จำนวน ๔ ราย ได้แก่ ผ้าจกไหมเคมี จากประเทศลาว ผ้าไหมแกมทอง เงิน นาก จากประเทศไทย ผ้าไหมเกาะล้วงสีเคมีจากประเทศ อินโดนีเซีย และผ้าไหมพื้นและผ้าไหมมัดหมี่ จากประเทศไทย
นางสาวอัญชลี พงค์ศิริแสน ผู้ได้รับรางวัล Top award ประเภทผ้ายกไหมแกมทอง เงิน นาก จากจังหวัดแพร่ เล่าว่า ผ้าทอยกไหมผืนนี้ เป็นผ้าทอที่ทอตามลักษณะของพระภูษาทรงแบบโบราณ ใช้สำหรับแต่งกายในพระราชพิธีต่างๆ รูปแบบผืนผ้าทอยกด้วยดิ้นพิเศษ ท้องผ้าทอยกด้วยไหม เป็นลวดลายไก่ฟ้าพญาลอ มีช่อแทงลายโดยรอบท้องผ้า มีขอบฟ้า (สังเวียน) ประกบทั้ง 2 ด้าน โดยตลอดความยาวของผืนผ้าทอเป็นลวดลายช่อดอกไม้ ตกแต่งด้วยเชิงหน้าผ้า 2 ชิ้น โดยกรวยเชิงชั้นล่างเป็นรูปกรวยเชิงใบเทศ ส่วนด้านบนเป็นกรวยเชิงรูปทรงใบไม้ ประกอบดอกไม้คั่นตรงข้อเชิงด้วยลายดอกไม้เครือเถาว์
สำหรับผ้าผืนนี้นั้นได้ทอต่อหน้าพระพักตร์ ของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ ในงานตรานกยูงพระราชทาน สืบสานตำนานไหมไทย เมื่อปีที่ผ่านมา และเพิ่งจะทอเสร็จปีนี้ สนนราคาผ้าผืนนี้อยู่ที่ประมาณ 200,000 บาท
นางระเบียบ ศรีลาไลย์ ผ้าทอจากบ้านสวาย จังหวัดสุรินทร์ ผู้ได้รับรางวัล Top Award การประกวดผ้าไหมระดับอาเซียน ประเภทผ้าไหมพื้นและผ้าไหมมัดหมี่ เล่าว่า ปกติจะทำนา และทอผ้าใช้เองที่บ้าน ต่อมาได้รวมกลุ่มแม่บ้านทอผ้าไหมขาย และได้จดทะเบียนมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน เมื่อ 6 ปีที่ผ่านมา ผ้าไหมมัดหมี่ที่ได้รับรางวัล เป็นผ้าที่ทำร่วมกันของกลุ่มแม่บ้าน 5 คนๆละหน้าที่คือ กรอไหม ย้อมไหม มัดไหม และทอ ซึ่งตนจะเป็นคนออกแบบลายผ้า และมัดไหม แบบลายผ้าที่เลือกเป็นรูปสัตว์ลายโบราณ 12 นักษัตร
โดยใช้เวลาทอ 5-6 เดือน เพราะจะยากตรงที่ต้องมัดให้เป็นรูปสัตว์ประเภทต่างๆ ทั้งใหญ่บ้าง เล็กบ้าง ซึ่งต้องใช้ฝีมือและสมาธิค่อนข้างมาก ตอนแรกตั้งใจทำแล้วเก็บไว้ เพราะชอบที่จะทำลายผ้าโบราณที่หาดูได้ยาก รู้สึกดีใจและเป็นเกียรติอย่างมากที่ได้รับรางวัลและมาร่วมงานในครั้งนี้