จากคนที่สูญเสียพ่อ ตั้งแต่ในวัยเรียน ทำให้เคล้งคว้าง แต่ด้วยหัวใจแกร่งไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา ตัดสินใจเลิกเรียนมาหางานทำเลี้ยงชีพ พยายามมองหาช่องทางธุรกิจที่ใกล้ตัว นั่นคือ เบญจรงค์ อาชีพของพี่ชายที่ทำมานาน แต่ด้วยความเป็นมือใหม่ทำให้หนีไม่พ้นในเรื่องความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ แต่สุดท้ายแล้วสิ่งเหล่านั้นกลับกลายเป็นบทเรียนที่สำคัญ และทำให้ชื่อของ “ไชยกวัฒน์เบญจรงค์” ติดตลาดและเป็นที่รู้จักของลูกค้าทั้งในและนอกประเทศ
นายไชยกวัฒน์ วรวงษ์ เจ้าของธุรกิจไชยกวัฒน์เบญจรงค์ จ.สมุทรสาคร เล่าว่า เมื่อตนเองได้สูญเสีญผู้เป็นแม่ไปตอนเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ทำให้ไม่มีเงินเรียนต่อ จึงตัดสินใจเลิกเรียนหันมาทำงานหาเลี้ยงชีพแทน ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วในช่วงนั้นไชยกวัฒน์ใฝ่ฝันที่จะเป็นนักดนตรี แต่เมื่อโอกาสไม่เอื้ออำนวย จึงหันมามองความเป็นจริงว่าตนเองน่าจะหาอาชีพที่จะทำได้ไม่ยากนัก และใกล้ตัว สุดท้ายมาลงตัวที่การทำเบญจรงค์ หลังจากที่พี่ชายยึดอาชีพนี้อยู่ ประกอบกับในจ.สมุทรสาคร มีผู้ประกอบการด้านนี้อยู่หลายราย ดังนั้นหากจะหาประสบการณ์ความรู้ วัตถุดิบ จึงไม่น่าจะเป็นเรื่องยาก
การเริ่มต้นของในเส้นทางธุรกิจงานเบญจรงค์ของไชยกวัฒน์ เรียกได้ว่ามีแต่ขวากหนามตั้งแต่เริ่มที่จะทำ เพราะธุรกิจนี้เริ่มต้นด้วยการที่ไม่มีความรู้ในเรื่องเบญจรงค์เลย แต่ต้องมาคลุกคลีกับมันทั้งในเรื่องการผลิต การหาตลาด การเสนอขายให้กับห้างดังอย่างนารายณ์ภัณฑ์ ที่สุดท้ายรายได้เกือบไม่พอเลี้ยงชีพ เพราะยังไม่เข้าใจวงการธุรกิจเบญจรงค์อย่างถ่องแท้ แม้จะพยายามสร้างสรรค์ผลงานให้แตกต่างจากท้องตลาด ด้วยงานเบญจรงค์เคลือบทอง 18k ซึ่งถือเป็นงานใหญ่ที่หาช่างฝีมือทำได้ยากมากที่สุดแล้วก็ตาม
“ผมเริ่มทำงานเบญจรงค์มาตั้งแต่อายุ 16 ปี คลุกคลีกับงานจนเรียกได้ว่าอยู่ในสายเลือด ผมต่อสู้กับปัญหาอุปสรรคมาทั้งชีวิต ในอดีตผลิตงานเบญจรงค์ส่งจตุจักร รายได้เกือบไม่พอเลี้ยงชีพ ให้กำลังใจตัวเองว่าถึงอย่างไรก็ได้ประสบการณ์ ต่อมาผลิตงานส่งให้กับร้านนารายภัณฑ์ ซึ่งผมไม่มีความรู้ เทคนิคการนำเสนองานให้ท่านผู้บริหารสนใจ ไม่รู้ระบบวิธีการติดต่อประสานงาน ทั้งๆ ที่เป็นงานชุดเบญจรงค์เคลือบทอง 18 k เป็นงานใหญ่ที่หาช่างฝีมือทำยากมากที่สุด ไม่ประสบความสำเร็จ กระทั่งปี 2544 – 2545 เศรษฐกิจของประเทศดีขึ้นคนไทยเริ่มนิยมใช้ผลิตภัณฑ์เบญจรงค์ เป็นของใช้ในครัวเรือน ของตกแต่งบ้าน ของฝาก ผมจึงลองฝากขายที่ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลชิดลม โดยเป็นชุดเบญจรงค์เคลือบทอง 18 k ขายดีมากมีเท่าไรก็หมด ทำให้กิจการเริ่มดีขึ้น”
ต่อมาใน ปี 2546 – 2547 ทางร้านนารายภัณฑ์ส่งเจ้าหน้าที่มาดูงานที่สถานประกอบการอีกครั้ง โดยสั่งผลิตชุดเบญจรงค์เคลือบทอง 18 k โดยเฉพาะเนื่องจากเจ้าชายจากประเทศบรูไน เสด็จฯ มาเยือนประเทศไทยและมาดูงานที่ร้าน ทำให้ต้องเพิ่มกำลังการผลิต ส่งผลให้มีรายได้เดือนละ 700,000 - 900,000 บาท ต้นทุนการผลิตอยู่ที่ 200,000 บาท ซึ่งกำไรที่ได้มานั้นไชยกวัฒน์ ได้นำมาขยายกิจการ ปรับปรุงธุรกิจ พัฒนาคุณภาพสินค้า โดยได้รับการช่วยเหลือสนับสนุนเงินทุนหมุนเวียนจากกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม ในวงเงิน 500,000 บาท และอีกหนึ่งความประทับใจคือ การที่ไชยกวัฒน์ได้มีโอกาสเขียนลวดลายเบญจรงค์ภายโบถส์ ที่วัดแคราย อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ซึ่งถือเป็นโบถส์เบญจรงค์หนึ่งเดียวในประเทศไทย
“ผมพยายามสร้างความแตกต่างให้กับสินค้าของเรา กล้าคิดให้แตกต่าง และบ้าที่จะทำลวดลายใหม่ๆ ที่ผู้ประกอบการรายอื่นไม่กล้าที่จะทำ ซึ่งเมื่อผลงานออกมาก็ขายได้ และมีคนทำเลียนแบบตามมา ส่วนจุดเด่นอยู่ที่การนำทอง 18k มาทำเป็นเบญจรงค์ พร้อมกับการวาดลวดลายที่ประณีต มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ในขณะที่การบริการลูกค้าก็เน้นไปที่ความจริงใจ เช่น มีการสอบถามลูกค้าว่าจะเลือกซื้อเบญจรงค์ไปเพื่อวัตถุประสงค์ใด ซึ่งหากนำไปใช้งานก็ควรเลือกเกรดธรรมดาราคาไม่แพงเกินไป แต่หากจะนำไปเป็นของขวัญ ของฝาก ก็มีจะแบบให้เลือกอีกเกรดหนึ่ง พร้อมกับสอนให้ลูกค้าเลือกซื้อเบญจรงค์อย่างชาญฉลาดไม่ให้ถูกหลอก ส่วนการดูแลลูกน้องก็พยายามสอนให้คิดเป็น ออกแบบลวดลายเอง เพื่อให้อนาคตจะได้นำไปประกอบอาชีพต่อไปได้ โดยราคาเริ่มต้นที่ 30 บาทถึงหลักแสนบาท”
สำหรับแผนการตลาดทางไชยกวัฒน์ ตั้งเป้าขยายตลาดไปต่างประเทศ พร้อมกับคาดหวังให้คนที่คิดจะซื้อเบญจรงค์ให้นึกถึงตลาดเบญจรงค์กระทุ่มแบนเป็นอันดับแรก
***สนใจติดต่อ 0-3484-8657, 08-1907-1998 หรือที่ www.chaiyakawat.com***