มติครม.เห็นชอบให้เอสเอ็มอีแบงก์ขยายเวลาชำระหนี้และ/หรืองดชำระเงินต้นเป็นการชั่วคราวให้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ที่ประสบปัญหาสภาพคล่อง หลังเจอปัจจัยภายนอกกระทบหนัก เชื่อธุรกิจเหล็กประเภทโลหะและผลิตภัณฑ์ เครื่องจักรกล เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์ ชิ้นส่วนและอุปกรณ์การขนส่ง หดตัวแน่นอน
นายภูมินทร์ ลีธีระประเสริฐ รองโฆษกประจำสำนักายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเห็นชอบให้ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอีแบงก์) ขยายเวลาชำระหนี้และ/หรืองดชำระเงินต้นเป็นการชั่วคราวให้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ที่ประสบปัญหาสภาพคล่อง เนื่องจากปัจจัยภายนอกตามภาวะธุรกิจของแต่ละกิจการ
ทั้งนี้ยังให้ขยายความร่วมมือไปสู่สถาบันการเงินของรัฐและเอกชนต่อไป ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และมอบให้กระทรวงการคลังและเอสเอ็มอีแบงก์ไปจัดทำในรายละเอียดให้ชัดเจนอีกครั้งภายในเดือนมิถุนายนนี้ เพื่อให้เปิดรับสมัครเอสเอ็มอีให้เข้าโครงการตั้งแต่เดือนกรกฎาคมเป็นต้นไป และยังมอบให้กระทรวงอุตสาหกรรมจัดกิจกรรมเสริมสร้างความเข้มแข็งให้เอสเอ็มอีที่เข้าร่วมโครงการลดภาระการชำระหนี้ เพื่อเสริมสภาพคล่องและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเอสเอ็มอี ตามความจำเป็นและเหมาะสม ทั้งการวินิจฉัย บริการที่ปรึกษาแนะนำ ให้ความรู้ในการวิเคราะห์ปัญหาของธุรกิจ พัฒนาความรู้ด้านบริหารจัดการตลาด กิจกรรมสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาการบ่มเพาะความสามารถทางเทคโนโลยีและการแสวงหาตลาดใหม่
ทั้งนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมรายงานว่า เอสเอ็มอีได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวตั้งแต่เดือนมกราคมเป็นต้นมา ทั้งในภาพรวมและในแต่ละตลาดหลัก โดยมีมูลค่าการส่งออกลดลงจากปีก่อนร้อยละ 13.7 ขณะที่ในตลาดญี่ปุ่นหดตัวลงร้อยละ 19.9 สหรัฐร้อยละ 25.4 และจีนหดตัวมากถึงร้อยละ 42.1 ขณะที่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีต่างเชื่อว่ายอดขาย ต้นทุนและกำไรในปี 2552 จะลดลง เมื่อพิจารณาจากตัวเลขผลตอบแทนการดำเนินงานลดลงในหลายสาขาการผลิต ทั้งสาขาเหล็ก โลหะและผลิตภัณฑ์ เครื่องจักรกล เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์ ชิ้นส่วนและอุปกรณ์การขนส่ง ซึ่งมีผลต่อการว่าจ้างแรงงาน จึงจำเป็นต้องเร่งหาแนวทางช่วยเหลือโดยด่วน
นายภูมินทร์ ลีธีระประเสริฐ รองโฆษกประจำสำนักายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเห็นชอบให้ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอีแบงก์) ขยายเวลาชำระหนี้และ/หรืองดชำระเงินต้นเป็นการชั่วคราวให้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ที่ประสบปัญหาสภาพคล่อง เนื่องจากปัจจัยภายนอกตามภาวะธุรกิจของแต่ละกิจการ
ทั้งนี้ยังให้ขยายความร่วมมือไปสู่สถาบันการเงินของรัฐและเอกชนต่อไป ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และมอบให้กระทรวงการคลังและเอสเอ็มอีแบงก์ไปจัดทำในรายละเอียดให้ชัดเจนอีกครั้งภายในเดือนมิถุนายนนี้ เพื่อให้เปิดรับสมัครเอสเอ็มอีให้เข้าโครงการตั้งแต่เดือนกรกฎาคมเป็นต้นไป และยังมอบให้กระทรวงอุตสาหกรรมจัดกิจกรรมเสริมสร้างความเข้มแข็งให้เอสเอ็มอีที่เข้าร่วมโครงการลดภาระการชำระหนี้ เพื่อเสริมสภาพคล่องและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเอสเอ็มอี ตามความจำเป็นและเหมาะสม ทั้งการวินิจฉัย บริการที่ปรึกษาแนะนำ ให้ความรู้ในการวิเคราะห์ปัญหาของธุรกิจ พัฒนาความรู้ด้านบริหารจัดการตลาด กิจกรรมสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาการบ่มเพาะความสามารถทางเทคโนโลยีและการแสวงหาตลาดใหม่
ทั้งนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมรายงานว่า เอสเอ็มอีได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวตั้งแต่เดือนมกราคมเป็นต้นมา ทั้งในภาพรวมและในแต่ละตลาดหลัก โดยมีมูลค่าการส่งออกลดลงจากปีก่อนร้อยละ 13.7 ขณะที่ในตลาดญี่ปุ่นหดตัวลงร้อยละ 19.9 สหรัฐร้อยละ 25.4 และจีนหดตัวมากถึงร้อยละ 42.1 ขณะที่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีต่างเชื่อว่ายอดขาย ต้นทุนและกำไรในปี 2552 จะลดลง เมื่อพิจารณาจากตัวเลขผลตอบแทนการดำเนินงานลดลงในหลายสาขาการผลิต ทั้งสาขาเหล็ก โลหะและผลิตภัณฑ์ เครื่องจักรกล เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์ ชิ้นส่วนและอุปกรณ์การขนส่ง ซึ่งมีผลต่อการว่าจ้างแรงงาน จึงจำเป็นต้องเร่งหาแนวทางช่วยเหลือโดยด่วน