จากอาชีพที่บางครั้งดูเป็นนามธรรมเกินไป อย่างงานโฆษณา ทำให้ผู้ที่คร่ำหวอดอยู่ในวงการนี้มาหลายปี คิดอยากทำผลงานที่เป็นชิ้นงานจับต้องได้ โดยอาศัยความรู้ด้านการออกแบบ และความชอบในงานศิลปะ มาสร้างสรรค์เป็นผลงาน พร้อมรวมกลุ่มเพื่อนที่ทำงานด้านโฆษณา มาทำผลิตภัณฑ์จากหินทราย ที่ถือเป็นวัตถุดิบที่หาได้ง่ายในจ.นครราชสีมา และเป็นบ้านเกิดของหนึ่งในสมาชิกด้วย
พจนกร รัตนพงษ์วณิช หรือ นานา ประธานบริษัท เพนนี ไวท์ จำกัด ผู้คิดนำวัตถุดิบในชุมชนบ้านเกิด อย่างหินทราย มาต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์ที่ทันสมัย ปรับใช้งานในชีวิตประจำวันได้มากขึ้น ที่จากเดิมชาวบ้านที่ จ.นครราชสีมา ก็มีการนำเอาหินทรายมาสร้างสรรค์เป็นชิ้นงานเช่นกัน แต่เป็นไปในลักษณะของงาน Abstract หรือ นามธรรม เช่น ภาพสลักนารายณ์บรรทมศิลป์ พระพุทธรูป เป็นต้น แต่ทาง นานา ได้นำมาปรับรูปแบบให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่สามารถจับต้องได้มากขึ้น รวมถึงเพิ่มฟังก์ชั่นการใช้งานในชีวิตประจำวัน โดยมีการผสมผสานกลิ่นอายของความเป็นเอเชียเข้าไป สู่สินค้าประเภทตกแต่งบ้าน อย่างแจกัน เชิงเทียน กระถางปลูกต้นไม้ขนาดเล็ก , ของใช้บนโต๊ะอาหาร, ภาพติดฝาผนังจากหินทราย, โคมไฟ และผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในห้อง
ทั้งนี้ผลงานทั้งหมดเป็นงานแฮนด์เมด (Handmade) ล้วนๆ ด้วยการทำโมลด์ (แม่พิมพ์) ขึ้นมาเองตามแบบที่ทีมงานช่วยกันคิดขึ้น โดยเน้นการออกแบบให้มีความแตกต่างจากสินค้าที่มีอยู่ทั่วไปภายใต้แบรนด์ Penny White
“ครั้งแรกที่เราสามารถทำชิ้นงานออกมาได้อย่างลงตัว ตามที่ตั้งเป้าไว้ โดยเฉพาะการออกแบบที่มีความโดดเด่นไม่ซ้ำใคร จึงอยากนำผลงานออกโชว์ โดยคิดแต่เพียงว่างานเราสวย และอยากโชว์เท่านั้น จึงประเดิมที่งานแสดงสินค้าของขวัญและงานแสดงสินค้าของใช้ในบ้าน (BIG&BIH) ของกรมส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์ ซึ่งก็ประสบความสำเร็จเกินคาด ชาวต่างชาติให้ความสนใจ และสั่งสินค้าเข้ามาเป็นจำนวนมาก แต่ด้วยความเป็นมือใหม่ในวงการธุรกิจ ทางบริษัทฯ จึงไม่ได้จัดเตรียมสต็อกสินค้า สำหรับออเดอร์ล็อตใหญ่ ทำให้ต้องปฏิเสธลูกค้าบางรายไป ผลิตในจำนวนที่พอทำให้เท่านั้น แต่เหตุการณ์ในครั้งนั้นถือเป็นบทเรียนที่สำคัญ และเป็นจุดเปลี่ยนให้กับ Penny White จากบทพิสูจน์ว่าสินค้าที่ออกแบบมานั้น ตรงกับความต้องการของลูกค้าชาวต่างชาติ จึงตัดสินใจสร้างโรงงานผลิตอย่างจริงจัง เริ่มต้นจากโรงงานเล็กๆ ที่มีคนงานเพียง 10 คนเท่านั้น แต่ในปัจจุบันเพิ่มเป็น 80 คนแล้ว”
จากปี พ.ศ.2541 ถึงปัจจุบัน นับเป็นเวลากว่า 10 ปี ที่ผลิตภัณฑ์จากหินทรายได้ครองตลาดต่างประเทศ 100% ทั้งในยุโรป และอเมริกา นั้น จุดแข็งที่แท้จริง คือ “การดีไซน์” ล้วนๆ ที่คู่แข่งยากที่จะตามทัน พร้อมเล็งนำวัตถุดิบชนิดอื่นๆ มาสร้างสรรค์เป็นผลิตภัณฑ์อีกด้วย
สำหรับการทำตลาดในประเทศไทย ที่ผ่านมา นานา ยอมรับว่า ไม่ได้มองตลาดในประเทศไทยเลย เพราะตั้งแต่เริ่มต้นธุรกิจลูกค้าชาวต่างชาติให้การตอบรับดี มีออเดอร์เข้ามาอย่างต่อเนื่อง แต่เมื่อสภาพเศรษฐกิจโลกไม่เอื้ออำนวยเหมือนเดิม ทุกประเทศชะลอการนำเข้า ทำให้นานา หันหลับมามองตลาดไทย หลังจากที่สินค้าก็ได้รับความสนใจจากลูกค้าคนไทย จากการที่ลองขายปลีกในงาน BIG&BIH ประกอบกับคนไทยในยุคนี้หันมาตกแต่งบ้านและสวนกันมากขึ้น
“ทางทีมงานเริ่มมองหาทำเลหน้าร้าน เพื่อขายสินค้าของ Penny White กันไว้บ้างแล้ว อย่าง สวนลุมไนท์บาซาร์ รวมถึงการฝากขายตามแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ด้วย เช่น ภูเก็ต และเกาะสมุย ส่วนผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจโลกที่ผ่านมา ถือว่าเราได้รับผลกระทบบ้าง แต่ไม่มากนัก เนื่องจากตลาดหลักอยู่ที่ประเทศในแถบยุโรป ซึ่งยังมีกำลังซื้อ แต่หากเน้นลูกค้าที่อเมริกา ก็คงจะได้รับผลกระทบมากกว่าที่เป็นอยู่ ซึ่งทางบริษัทฯ ก็พยายามปรับตัวมองหาตลาดใหม่ เช่น ตะวันออกกลาง และแอฟฟริกาใต้
ปัจจุบันสินค้าของ Penny White เรียกได้ว่ามีเอกลักษณ์ และจุดยืนที่โดดเด่น ด้านการดีไซน์ ดังนั้นคงไม่แปลกที่ขณะนี้สินค้าของ Penny White มีกว่า 80 แบบแล้ว มีกำลังการผลิตอยู่ที่ประมาณ 10,000 ชิ้น/เดือน เน้นการผลิตตามออเดอร์
จะเห็นได้ว่า การดีไซน์ที่สร้างความแตกต่างให้กับตลาดนั้น ถือเป็นความยั่งยืนอย่างหนึ่งในการดำเนินธุรกิจ ที่จะทำให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทย อยู่รอดในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ได้ คู่แข่งก็จะลดน้อยลงเพราะปรับตัวตามไม่ทันอย่าง Penny White ที่แม้จะเจออุปสรรคในเรื่องของการลอกเลียนแบบบ้าง แต่ลูกค้าที่ใช้สินค้าของต้นฉบับจริงๆ แล้วจะรู้ถึงคุณภาพที่เทียบกันไม่ได้เลย
***สนใจติดต่อ 0-3432-1011 หรือที่ www.sandstone.in.th***