ศิลปินกับเรื่องสวยๆ งามๆ ดูจะแยกไม่ออกจากกันซะทีเดียว เช่นเดียวกับสาวน้อยคนนี้ “เจน” ชมพูนุช ปิยะภาณี สาวหน้าใสที่สร้างชื่อจากผลงานทางจอเงิน “ปอบหวีดสยอง” และกำลังมีผลงานอย่าง “หมู่เจ็ดเด็ดสะระตี่” ออกมาให้แฟนๆ ได้หายคิดถึง วันนี้ผันตัวเองออกมาเป็นเถ้าแก่เนี้ยะ ซึ่งก็ยังเกาะติดอยู่กับเรื่องของแฟชั่นและความงามอย่างแยกไม่ออกเสียแล้ว

และด้วยความบังเอิญที่ทีม SME Thailand เดินผ่านหน้าร้าน “Pink Lady” ที่แพลททินั่มมอลล์ประตูน้ำ เราถึงกับชะงัก เพราะแม่ค้าที่กำลังก้มๆ เงยๆ ยกของอยู่ตรงหน้าดูคุ้นตาพิกล “น้องเจนหรือเปล่า!?” “ใช่ค่ะ” นั่นแหละเราจึงเริ่มต้นบทสนทนากันตรงนั้น
“ปกติเจนเป็นคนที่ชอบเดินแพลททินั่มอยู่แล้ว เพราะเป็นที่รวมของแฟชั่น ราคาไม่แพงแล้วก็ทันสมัยด้วย มีสินค้าให้เลือกเยอะมาก มาเดินจนกระทั่งมีความคิดว่าอย่างนี้เราก็น่าจะมาขายได้ จนมีพี่ที่เขาเปิดร้านบอกให้มาติดต่อที่ล็อคนี้เพราะเขาต้องการจะเซ้ง นั่นแหละคือวันที่เจนเริ่มต้น” สาวเจนเล่ากับเรา
Pink Lady คือร้านที่บอกตัวตนของสาวเจนกับอีก 2 หุ้นส่วนที่ต้องการนำเสนอแฟชั่นที่เป็นสาวสะพรั่งพราวเสน่ห์ออกแนวเจ้าหญิง การแต่งร้านที่เน้นโทนชมพูขาวต้องการให้สาวๆ ทุกคนที่เดินเข้ามา สัมผัสได้ถึงความอ่อนหวานในตัวเอง ดังนั้นเสื้อผ้าที่เจาะจงแขวนในร้านจึงเป็นแนวที่สาวๆ 3 หุ้นส่วนชอบเสียเป็นส่วนใหญ่
***ขายส่งเพลินกว่า***
โดยเหตุผลที่เธอเลือกมาอยู่ในย่านขายส่งอย่างแพลททินั่มนั้น เพราะต้องการให้การซื้อมาขายไปคล่องกว่าการขายปลีก สินค้าใหม่มาลงแล้วสามารถ Count Down ได้ทันทีว่าจะนำของใหม่มาลงได้เมื่อไหร่
“เจนคิดตั้งแต่แรกแล้วว่าไม่อยากขายปลีก ขายส่งเพลินกว่าแต่ใช่ว่าจะไม่ขายปลีกเลย ขายปลีกก็จะเป็นอีกอารมณ์หนึ่งแต่ขายส่งสนุกกว่า ช่วงแรกๆเจนจะเข้าร้านทุกวันได้พบได้คุยกับลูกค้า ได้เห็นว่าเทรนด์ของตลาดเป็นยังไง จากสินค้าที่เน้นความชอบส่วนตัวพอได้คุยกับลูกค้าแล้ว มองตลาดเป็น ก็รู้แล้วว่าแนวตลาดจะเป็นยังไง หลังๆ สินค้าในร้านจะเป็นแนวตลาดมากขึ้น แต่เสน่ห์ของแพลททินั่มอยู่ตรงที่สินค้าแฟชั่นเสื้อผ้า หรือเครื่องประดับ แม้จะมีหลายร้อยร้าน แต่ละร้านก็จะมีจุดขายต่างกัน แม้สินค้าที่เลือกมาที่เดียวกันแต่อารมณ์คนเลือกก็ไม่เหมือนกัน ขายได้ขายดีเหมือนกันทุกร้าน มีทั้งลูกค้าประจำกับขาจรเหมือนกัน”

ซึ่งเธอจะรับหน้าที่ในการมองหาสินค้าเข้าร้าน ต้องเดินทางไปเลือกสินค้าเดือนละสองครั้ง สินค้าแต่ละล็อตจะกำหนดวันลงสินค้าให้ตรงกับวันลงสินค้าของร้านอื่นๆ คือวันพุธและวันเสาร์เนื่องจากในวันนั้นคนจะเดินคึกคักกว่าวันธรรมดา เรียกว่าเมื่อวันนั้นมาถึงสินค้าที่มาลงแถบไม่ได้แกะออกจากมัดเพื่อโชว์ลวดลายกันเลยทีเดียว
***จุดต่างในความเหมือนคือที่ยืนของ Pink Lady***
เราถามถึงการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงบทบาทจากนักแสดงมาเป็นเถ้าแก่เนี้ยะ คำตอบที่ได้ ทำให้เรามองสาวน้อยร่างเล็กอีกครั้ง
“ทุกร้านในแพลททินั่มเป็นร้านขายสินค้าประเภทเดียวกันเกือบทั้งหมด อยู่ที่ใครจะเลือกเอากลุ่มไหน สไตล์ไหนเท่านั้นเอง ข้อมูลทางการค้าเนี่ยถือเป็นความลับสุดยอดที่ต้องปิดกันให้มิด ไม่มีใครเอ่ยปากเลยว่าแต่ละร้านรับมาจากไหนอย่างไร ตรงนี้เจนก็ต้องเรียนรู้ สืบเสาะเอา ตรงนี้ก็ทำให้เจนได้คอนเน็คชั่นและทำการค้าเป็นมากขึ้น เจนเปิดร้านนี้ตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา ถามว่ายากมั้ยก็ยากนะ เศรษฐกิจเป็นอย่างนี้ด้วย แต่ก็ถือว่าเป็นความสนุกที่ท้าทาย เพราะอย่างน้อยมันก็เป็นธุรกิจของเรา เจนค่อนข้างทุ่มเทกับมันพอสมควร ช่วงแรกเข้าร้านทุกวันเลย แต่พองานเราเยอะก็พยายามเข้ามาให้ได้ทุกอาทิตย์อย่างน้อยก็ต้องมาดูของว่าขายเป็นงัย จะเอาอะไรมาลงเพิ่ม ได้พูดคุยกับลูกค้าบ้าง เรื่องหุ้นส่วนไม่ต้องห่วงเพราะพวกเราใช้เงินกระเป๋าเดียวกันตั้งแต่เรียนเรื่องนี้ไว้ใจกันได้แน่นอน”

นอกจากนี้เธอยังกระเทาะแก่นความละเอียดอ่อนในธุรกิจแฟชั่นน่าฟังทีเดียว เธอว่าการเลือกสินค้าเข้าร้านไม่สามารถพึงพาเพียงสายตา และอารมณ์ความชอบส่วนตัวเท่านั้น หากแต่ต้องมองที่เทรนด์แฟชั่น ว่าตลาดกำลังไปในทิศทางใดเพื่อรักษาฐานลูกค้าขาประจำไว้ให้ได้ โดยจุดพึงระวังยังเป็นเรื่องของภาวะเศรษฐกิจโดยรวมที่ไม่สามารถควบคุมได้ ที่เจ้าของต้องสามารถยืดหยุ่นพลิกแพลงสถานการณ์ได้ตลอดเวลา
"ยกตัวอย่างเช่น เสื้อผ้าที่เราซื้อมาล็อตก่อนไม่โดนใจคนซื้อ สินค้าใหม่มาแล้ว เราก็ต้องเอามาเลหลัง ขายเอาทุนคืนก็ยังดี แต่ก่อนจะเลือกสินค้าเข้ามาเราต้องใกล้ชิดกับลูกค้าตลอดเวลาสอบถามดูเทรนด์ของตลาดเพื่อป้องกันความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้น อย่างสินค้าบางล็อตจะมีบ้างที่ผิดไซต์ผิดขนาด อันนี้ก็ต้องแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าให้ได้ เพราะมันหมายถึงเงินที่ลงทุน และที่สำคัญจะมัวรอสินค้าที่สั่งเข้ามาอย่างเดียวไม่ได้ ตอนนี้เจนเริ่มมีออกแบบและตัดเองบ้างแล้ว ฝันไว้ว่าจะมีแบรนด์ของตัวเองสักวันหนึ่งเหมือนกัน” เธอทิ้งท้าย

และทั้งหมดคือเสี้ยวหนึ่งของบทบาทสาวน้อยที่เปลี่ยนไป แน่นอนว่าบทบาทนี้จะเป็นบทพิสูจน์ที่ท้าทายว่าเธอโตเป็นผู้ใหญ่แล้วแค่ไหน ในฐานะผู้ประกอบการ
*****************************
****ข้อมูลโดย www.smethailandclub.com****
และด้วยความบังเอิญที่ทีม SME Thailand เดินผ่านหน้าร้าน “Pink Lady” ที่แพลททินั่มมอลล์ประตูน้ำ เราถึงกับชะงัก เพราะแม่ค้าที่กำลังก้มๆ เงยๆ ยกของอยู่ตรงหน้าดูคุ้นตาพิกล “น้องเจนหรือเปล่า!?” “ใช่ค่ะ” นั่นแหละเราจึงเริ่มต้นบทสนทนากันตรงนั้น
“ปกติเจนเป็นคนที่ชอบเดินแพลททินั่มอยู่แล้ว เพราะเป็นที่รวมของแฟชั่น ราคาไม่แพงแล้วก็ทันสมัยด้วย มีสินค้าให้เลือกเยอะมาก มาเดินจนกระทั่งมีความคิดว่าอย่างนี้เราก็น่าจะมาขายได้ จนมีพี่ที่เขาเปิดร้านบอกให้มาติดต่อที่ล็อคนี้เพราะเขาต้องการจะเซ้ง นั่นแหละคือวันที่เจนเริ่มต้น” สาวเจนเล่ากับเรา
Pink Lady คือร้านที่บอกตัวตนของสาวเจนกับอีก 2 หุ้นส่วนที่ต้องการนำเสนอแฟชั่นที่เป็นสาวสะพรั่งพราวเสน่ห์ออกแนวเจ้าหญิง การแต่งร้านที่เน้นโทนชมพูขาวต้องการให้สาวๆ ทุกคนที่เดินเข้ามา สัมผัสได้ถึงความอ่อนหวานในตัวเอง ดังนั้นเสื้อผ้าที่เจาะจงแขวนในร้านจึงเป็นแนวที่สาวๆ 3 หุ้นส่วนชอบเสียเป็นส่วนใหญ่
***ขายส่งเพลินกว่า***
โดยเหตุผลที่เธอเลือกมาอยู่ในย่านขายส่งอย่างแพลททินั่มนั้น เพราะต้องการให้การซื้อมาขายไปคล่องกว่าการขายปลีก สินค้าใหม่มาลงแล้วสามารถ Count Down ได้ทันทีว่าจะนำของใหม่มาลงได้เมื่อไหร่
“เจนคิดตั้งแต่แรกแล้วว่าไม่อยากขายปลีก ขายส่งเพลินกว่าแต่ใช่ว่าจะไม่ขายปลีกเลย ขายปลีกก็จะเป็นอีกอารมณ์หนึ่งแต่ขายส่งสนุกกว่า ช่วงแรกๆเจนจะเข้าร้านทุกวันได้พบได้คุยกับลูกค้า ได้เห็นว่าเทรนด์ของตลาดเป็นยังไง จากสินค้าที่เน้นความชอบส่วนตัวพอได้คุยกับลูกค้าแล้ว มองตลาดเป็น ก็รู้แล้วว่าแนวตลาดจะเป็นยังไง หลังๆ สินค้าในร้านจะเป็นแนวตลาดมากขึ้น แต่เสน่ห์ของแพลททินั่มอยู่ตรงที่สินค้าแฟชั่นเสื้อผ้า หรือเครื่องประดับ แม้จะมีหลายร้อยร้าน แต่ละร้านก็จะมีจุดขายต่างกัน แม้สินค้าที่เลือกมาที่เดียวกันแต่อารมณ์คนเลือกก็ไม่เหมือนกัน ขายได้ขายดีเหมือนกันทุกร้าน มีทั้งลูกค้าประจำกับขาจรเหมือนกัน”
ซึ่งเธอจะรับหน้าที่ในการมองหาสินค้าเข้าร้าน ต้องเดินทางไปเลือกสินค้าเดือนละสองครั้ง สินค้าแต่ละล็อตจะกำหนดวันลงสินค้าให้ตรงกับวันลงสินค้าของร้านอื่นๆ คือวันพุธและวันเสาร์เนื่องจากในวันนั้นคนจะเดินคึกคักกว่าวันธรรมดา เรียกว่าเมื่อวันนั้นมาถึงสินค้าที่มาลงแถบไม่ได้แกะออกจากมัดเพื่อโชว์ลวดลายกันเลยทีเดียว
***จุดต่างในความเหมือนคือที่ยืนของ Pink Lady***
เราถามถึงการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงบทบาทจากนักแสดงมาเป็นเถ้าแก่เนี้ยะ คำตอบที่ได้ ทำให้เรามองสาวน้อยร่างเล็กอีกครั้ง
“ทุกร้านในแพลททินั่มเป็นร้านขายสินค้าประเภทเดียวกันเกือบทั้งหมด อยู่ที่ใครจะเลือกเอากลุ่มไหน สไตล์ไหนเท่านั้นเอง ข้อมูลทางการค้าเนี่ยถือเป็นความลับสุดยอดที่ต้องปิดกันให้มิด ไม่มีใครเอ่ยปากเลยว่าแต่ละร้านรับมาจากไหนอย่างไร ตรงนี้เจนก็ต้องเรียนรู้ สืบเสาะเอา ตรงนี้ก็ทำให้เจนได้คอนเน็คชั่นและทำการค้าเป็นมากขึ้น เจนเปิดร้านนี้ตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา ถามว่ายากมั้ยก็ยากนะ เศรษฐกิจเป็นอย่างนี้ด้วย แต่ก็ถือว่าเป็นความสนุกที่ท้าทาย เพราะอย่างน้อยมันก็เป็นธุรกิจของเรา เจนค่อนข้างทุ่มเทกับมันพอสมควร ช่วงแรกเข้าร้านทุกวันเลย แต่พองานเราเยอะก็พยายามเข้ามาให้ได้ทุกอาทิตย์อย่างน้อยก็ต้องมาดูของว่าขายเป็นงัย จะเอาอะไรมาลงเพิ่ม ได้พูดคุยกับลูกค้าบ้าง เรื่องหุ้นส่วนไม่ต้องห่วงเพราะพวกเราใช้เงินกระเป๋าเดียวกันตั้งแต่เรียนเรื่องนี้ไว้ใจกันได้แน่นอน”
นอกจากนี้เธอยังกระเทาะแก่นความละเอียดอ่อนในธุรกิจแฟชั่นน่าฟังทีเดียว เธอว่าการเลือกสินค้าเข้าร้านไม่สามารถพึงพาเพียงสายตา และอารมณ์ความชอบส่วนตัวเท่านั้น หากแต่ต้องมองที่เทรนด์แฟชั่น ว่าตลาดกำลังไปในทิศทางใดเพื่อรักษาฐานลูกค้าขาประจำไว้ให้ได้ โดยจุดพึงระวังยังเป็นเรื่องของภาวะเศรษฐกิจโดยรวมที่ไม่สามารถควบคุมได้ ที่เจ้าของต้องสามารถยืดหยุ่นพลิกแพลงสถานการณ์ได้ตลอดเวลา
"ยกตัวอย่างเช่น เสื้อผ้าที่เราซื้อมาล็อตก่อนไม่โดนใจคนซื้อ สินค้าใหม่มาแล้ว เราก็ต้องเอามาเลหลัง ขายเอาทุนคืนก็ยังดี แต่ก่อนจะเลือกสินค้าเข้ามาเราต้องใกล้ชิดกับลูกค้าตลอดเวลาสอบถามดูเทรนด์ของตลาดเพื่อป้องกันความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้น อย่างสินค้าบางล็อตจะมีบ้างที่ผิดไซต์ผิดขนาด อันนี้ก็ต้องแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าให้ได้ เพราะมันหมายถึงเงินที่ลงทุน และที่สำคัญจะมัวรอสินค้าที่สั่งเข้ามาอย่างเดียวไม่ได้ ตอนนี้เจนเริ่มมีออกแบบและตัดเองบ้างแล้ว ฝันไว้ว่าจะมีแบรนด์ของตัวเองสักวันหนึ่งเหมือนกัน” เธอทิ้งท้าย
และทั้งหมดคือเสี้ยวหนึ่งของบทบาทสาวน้อยที่เปลี่ยนไป แน่นอนว่าบทบาทนี้จะเป็นบทพิสูจน์ที่ท้าทายว่าเธอโตเป็นผู้ใหญ่แล้วแค่ไหน ในฐานะผู้ประกอบการ
*****************************
****ข้อมูลโดย www.smethailandclub.com****