สถาบันสอนภาษาเป็นอีกหนึ่งธุรกิจ ที่ได้รับอานิสงส์ จากภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอย มีคนว่างงานมาก การแข่งขันกันในการเข้าทำงานมีอัตราสูง ส่งผลให้สถาบันสอนภาษาทั้งหลายได้รับความสนใจ โดยได้ลูกค้าเพิ่มขึ้น และเมื่อความต้องการมีมาก ผู้ที่สนใจจะเข้ามาทำธุรกิจตรงนี้ ก็มีมากขึ้นเช่นเดียวกัน
สำหรับแฟรนไชส์สถาบันสอนภาษาจากต่างประเทศที่เข้ามาเปิดในประเทศไทยก็มีมากเช่นกัน แต่ละรายจะมีจุดขายที่แตกต่างกันออกไป เฉกเช่น สถาบันสอนภาษาบอสตัน ไบร์ท ซึ่งมีต้นกำเนิดมาจากประเทศสหรัฐอเมริกา โดย นายประสิทธิ์ ศรีสุวรรณ ได้ซื้อแฟรนไชส์สถาบันสอนภาษาแห่งนี้ เข้ามาเปิดในประเทศไทย เมื่อปี 2551 ที่ผ่านมา
โดยรูปแบบของสถาบันสอนภาษาแห่งนี้ คือ เป็นการสอนที่ควบคู่ไปกับการทำกิจกรรมที่หลากหลายทั้งในโรงเรียนและนอกสถานที่ สาเหตุที่ต้องมีกิจกรรมควบคู่ไปด้วย เพราะการเรียนภาษาที่ได้ผลดีจะต้องปฏิบัติจริง โดยไม่จำกัดการเรียนอยู่เฉพาะในห้องเรียน แต่เป็นการเรียนแบบนอกกรอบ เน้นการทำกิจกรรม สร้างโอกาสให้นักเรียนได้รู้จักเพื่อนใหม่ เกิดการแลกเปลี่ยนทัศนคติเปิดมุมมองใหม่
ทั้งนี้ จุดเด่นของการเรียนที่แห่งนี้อีกอย่างหนึ่ง คือ ผู้เรียนทุกคนจะต้องพูดภาษาอังกฤษ เพียงภาษาเดียว และในแต่ละกิจกรรมจะทำให้ผู้เรียนได้ใช้ภาษาอังกฤษจากสถานการณ์จริง และผู้เรียนจะได้ปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมและรู้จักการเข้าสังคม ซึ่งสามารถนำประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันของตนเองได้ และการเรียนในแต่ละคลาสจะประกอบด้วยผู้เรียนเพียง 4-6 คน ต่ออาจารย์ 1 คน
“การเรียนการสอนแบบนอกห้องเรียนถือได้ว่าสถาบันสอนภาษาของเราเป็นแห่งแรกๆ ในประเทศไทย ที่ได้คิดค้นวิธีการสอนแบบนี้ จุดเริ่มต้นมาจากก่อนผมจะมาเปิดสถาบันสอนภาษา ได้มีโอกาสไปศึกษาวิธีการสอนจากที่อื่นๆ และ มองว่ายังขาดรูปแบบใดบ้าง และสิ่งไหนที่เป็นข้อดีของที่อื่นๆ นำมาพัฒนาให้เป็นแบบฉบับของเราเอง เช่น Debut class คือ class สุดท้ายก่อนที่นักเรียนจะจบใน 1 level ซึ่งทุกคนจะต้องทำการพรีเซนต์หัวข้อที่จับฉลากขึ้นมาได้แล้วพูดสดในวันนั้น ผู้เรียนจะได้พูดสดในสถานการณ์ที่ไม่ได้เตรียม Dialogueมาก่อน”
ในส่วนของกลุ่มเป้าหมายของผู้เรียนในบอสตั้น ไบร์ท นั้น มุ่งไปที่กลุ่มนักศึกษา และวัยเริ่มต้นทำงาน อายุ 18-35 ปี เพราะเป็นกลุ่มที่มีความจำเป็นในการใช้ภาษามากกว่ากลุ่มอื่นๆ อัตราค่าเรียนเฉลี่ยอยู่ที่ 3,000 บาท ไปจนถึง 5,000 บาท ต่อเดือน ซึ่งในช่วงภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวในช่วงนี้ ทางสถาบันฯได้ออกโปรโมทชั่น ระบบผ่อนชำระ ด้วยอัตราดอกเบี้ย 0% ผ่อนนาน 20 เดือน และที่ทางสถาบันเลือกใช้ระบบผ่อนชำระ เพราะเห็นว่าจะเป็นตัวกระตุ้นให้ผู้เรียนตัดสินใจเรียนได้ง่ายขึ้น สังเกตได้จากปัจจุบัน มีการชำระสินค้าเงินผ่อนผ่านบัตรเครดิต ช่วยกระตุ้นยอดขายได้ดี ไม่ว่าในภาวะเศรษฐกิจเช่นไร วิธีการนี้เพิ่มยอดขายได้เสมอ
ถึงแม้ขณะนี้ สภาวะทางเศรษฐกิจจะไม่ดี และองค์กรต่างๆ มีการปลดคนออกจากงานเพิ่มมากขึ้น แต่ในภาคธุรกิจการศึกษายังคงมีมูลค่าการเติบโตอยู่ที่ 8,000 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นแนวโน้มที่ดีของคนที่ทำธุรกิจการศึกษา เพราะเมื่อคนตกงาน ไม่มีงานทำ เมื่อมีเวลาว่างก็จะหันมาใช้เวลาว่างในการศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม จึงถือว่าเป็นโอกาสที่ดี”
นายประสิทธิ์ เล่าว่า ได้เปิดสถาบันบอสตั้น ไบร์ทมาได้ประมาณ 6 เดือน ผลตอบรับดีมาก เพราะขณะนี้มีผู้เรียนประมาณ 700 คน ซึ่งผู้เรียนมาจากการบอกกันแบบปากต่อปาก และการทำประชาสัมพันธ์ แบบเข้าถึงกลุ่มลูกค้าโดยตรง ด้วยการแจกแผ่นพับ โดยตั้งเป้าภายในสิ้นปีนี้จะมีผู้เรียนเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว ส่วนรายได้ตั้งแต่เปิดให้บริการมามีรายได้ประมาณ 40 ล้านบาท และพอถึงสิ้นปี คาดว่าน่าจะมีรายได้ถึง 70 ล้านบาท
ในส่วนการขยายสาขานั้นตั้งเป้าไว้ว่าจะขยายเพิ่มอีก 5 แห่ง ภายใน 3 ปีข้างหน้า ซึ่งการขยายสาขาจะเน้นการขยายสาขาในกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมถึงหัวเมืองใหญ่เป็นหลัก ส่วนการขายแฟรนไชส์นั้น ต้องใช้เวลาศึกษาระยะหนึ่งก่อน เพราะต้องทำระบบให้พร้อมก่อนที่เปิดขายแฟรนไชส์ได้ไม่เช่นนั้น อาจจะทำให้ธุรกิจเสียไปทั้งระบบได้
นอกจากนี้ มีแผนในการขยายสาขาย่อยในลักษณะของ Mini Branch ซึ่งจะเน้นการเปิดตามอาคารสำนักงานต่างๆ เป็นหลัก ลักษณะของสาขาย่อยเป็นการส่งอาจารย์ไปประจำที่สาขานั้นอาจจะสาขาละหนึ่งคน ซึ่งช่วยให้ผู้เรียนสามารถเข้าไปเรียนได้ทุกแห่งที่อยู่ใกล้บ้านหรือสำนักงาน จุดเด่นของบอสตั้น ไบร์ทอีกอย่างหนึ่งคือผู้เรียนสามารถจะเข้าไปเรียนเวลาไหน สาขาไหนก็ได้ตามที่ผู้เรียนสะดวก ในส่วนของสาขาย่อย ช่วยให้ผู้เรียนมีที่เลือกเรียนได้หลายแห่ง โดยตั้งเป้าเปิดสาขาย่อยจำนวน 6 แห่ง ภายในปีนี้
สนใจโทร. 0-2160-5000