สสว. สานต่อนโยบายรัฐ พัฒนาพื้นที่ท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ กระตุ้นการท่องเที่ยวไทย ประเดิม 2 โครงการ สวนสัตว์เชียงใหม่ และถนนคนเดินบ้านบ่อสร้าง หวังเปิดโอกาสให้ SMEs เข้าลงทุนพัฒนาและบริหารจัดการเพื่อยกระดับสถานที่ท่องเที่ยว
นายภักดิ์ ทองส้ม รองผู้อำนวยการ รักษาการแทนผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยว่า จากการที่วิสาหกิจด้านการท่องเที่ยวซึ่งส่วนใหญ่เป็น SMEs ในภาคบริการ และมีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศ เห็นได้จากในปี 2550 มีจำนวนผู้ประกอบการ 184,102 กิจการ เกิดการจ้างงาน 647,188 คน ก่อให้เกิดรายได้จากการท่องเที่ยว 928,199 ล้านบาท แต่จากปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในปัจจุบันซึ่งส่งผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยว
ดังนั้นเพื่อเป็นการส่งเสริมและพัฒนาด้านการท่องเที่ยว บนพื้นฐานการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ในพื้นที่เป็นสิ่งจูงใจนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งมีศักยภาพด้านการท่องเที่ยว สสว. จึงได้ร่วมกับ สวนสัตว์เชียงใหม่ และ สมาพันธ์องค์กรเครือข่ายภาคประชาชนบ้านบ่อสร้าง ดำเนินโครงการพัฒนาพื้นที่ท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติขึ้น
“การดำเนินโครงการพัฒนาพื้นที่ท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ ที่จังหวัดเชียงใหม่นี้ สสว. ได้ร่วมกับสวนสัตว์เชียงใหม่ ในการพัฒนาพื้นที่สวนสัตว์เชียงใหม่ และร่วมกับสมาพันธ์องค์กรเครือข่ายภาคประชาชนบ้านบ่อสร้าง ดำเนินการส่งเสริมและพัฒนาถนนคนเดิน (Shopping Street) บ้านบ่อสร้าง อ.สันกำแพง เพื่อเปิดโอกาสให้ SMEs เข้ามาเป็นผู้ลงทุนพัฒนาและบริหารพื้นที่ สร้างสินค้าและบริการใหม่ๆ ขณะเดียวกันก็ให้ความช่วยเหลือ สนับสนุน ส่งเสริม และพัฒนา SMEs โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าหัตถกรรมให้มีขีดความสามารถเพิ่มมากขึ้น เพื่อพัฒนาให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว” นายภักดิ์ กล่าว
สำหรับการพัฒนาพื้นที่สวนสัตว์เชียงใหม่ ซึ่งตั้งอยู่ที่ถนนห้วยแก้ว อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ จะเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการ SMEs เข้ามาเป็นผู้ลงทุนพัฒนาและบริหารจัดการให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีกิจกรรมการท่องเที่ยวหลากหลายรูปแบบและครบวงจรมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในส่วนที่เป็นบริการเกี่ยวกับ
กิจกรรมการท่องเที่ยว ร้านอาหาร ร้านขายสินค้าที่ระลึก ฯลฯ ซึ่งเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มและดึงดูดใจนักท่องเที่ยวให้เข้ามาท่องเที่ยวในพื้นที่มากยิ่งขึ้น
ในส่วนการส่งเสริมและพัฒนาถนนคนเดินบ้านบ่อสร้าง อำเภอสันกำแพง นั้น จะเป็นการประสานความร่วมมือกับสมาพันธ์องค์กรเครือข่ายภาคประชาชนบ้านบ่อสร้าง ผู้ประกอบการ SMEs รวมถึงชาวชุมชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการพัฒนาหมู่บ้านบ่อสร้างให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวประเภทถนนคนเดิน (Shopping Street) ระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร ที่เป็นศูนย์กลางการจำหน่ายสินค้าหัตถกรรม อาทิ ร่ม กระดาษสา ผ้าทอ ไม้แกะสลัก ฯลฯ ที่มีชื่อเสียงของจังหวัดเชียงใหม่ โดยแนวทางการพัฒนาในระยะแรกจะปรับภูมิทัศน์ให้มีความสวยงาม และจะมีการจัดกิจกรรมเพื่อดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาท่องเที่ยวในพื้นที่ดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง
“เชื่อว่าการพัฒนาพื้นที่ท่องเที่ยวทั้ง 2 แห่งนี้ จะเป็นส่วนสำคัญที่สร้างโอกาสให้กับ SMEs ในการพัฒนาสถานที่ท่องเที่ยวให้มีศักยภาพ รวมทั้งส่งเสริมและพัฒนาขีดความสามารถของผู้ประกอบการ SMEs ในพื้นที่บ้านบ่อสร้างที่มีไม่น้อยกว่า 200 ราย ให้สามารถพัฒนาสินค้าและบริการตอบสนองความต้องการของตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ที่สำคัญจะจูงใจให้นักท่องเที่ยว เข้ามาท่องเที่ยวในพื้นที่เพื่อพักผ่อนหย่อนใจ จับจ่ายใช้สอย รวมทั้งชื่นชมทัศนียภาพตลอดจนลักษณะทางธรรมชาติและวัฒนธรรมที่ปรากฏอยู่ในพื้นที่ท่องเที่ยวทั้ง 2 แห่ง ก่อให้เกิดการสร้างงานสร้างรายได้ และแก้ปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจของคนในชุมชนให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นต่อไป” นายภักดิ์ กล่าว
นายภักดิ์ เปิดเผยต่อว่า สำหรับโครงการพัฒนาพื้นที่ท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ สสว. ได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2548 โดยร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน มีจุดมุ่งหมายเพื่อนำพื้นที่ที่อยู่ในความดูแลของภาครัฐ ภาคเอกชน มาใช้ให้เกิดประโยชน์ทั้งต่อส่วนรวมและองค์กร ด้วยการเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการ SMEs เป็นผู้ลงทุนพัฒนาและบริหารโครงการ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการพื้นที่ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวในรูปแบบต่างๆ
ซึ่งที่ผ่านมาได้ดำเนินโครงการนำร่องที่สวนสัตว์เปิดเขาเขียว อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ในนามโครงการเขาเขียว เอสตาเต้ แค้มปิ้ง รีสอร์ทและซาฟารี โดยมีบริษัท เอ็กซ์ไซท์ รีสอร์ท จำกัด เป็นผู้ลงทุนพัฒนาและบริหารโครงการ ซึ่งการดำเนินโครงการประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังมีพื้นที่ท่องเที่ยวประเภทน้ำพุร้อน ที่อยู่ระหว่างดำเนินการในลักษณะเดียวกันนี้ เช่น น้ำพุร้อนป่าตึง จังหวัดเชียงราย น้ำพุร้อนโป่งเดือด น้ำพุร้อนฝาง น้ำพุร้อนดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ และน้ำพุร้อนสวนรักษะวาริน จังหวัดระนอง เป็นต้น