สถาบันอาหาร จับมือ เจโทร ติวเข้ม กฎ ระเบียบ มาตรการความปลอดภัยด้านอาหาร ระบบ Positive List และ ระบบการตรวจสอบย้อนหลัง ให้กับผู้ประกอบการอาหารไทย หวังสร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการอาหารไทยในตลาดญี่ปุ่น
ดร.อมร งามมงคลรัตน์ รองผู้อำนวยการสถาบันอาหาร เปิดเผยว่า ปัจจุบันญี่ปุ่นถือว่าเป็นตลาดส่งออกอาหารอันดับ 1 ของไทย มีมูลค่าการส่งออกรวม 3,400 ล้านเหรียญสหรัฐฯ แบ่งเป็นสินค้าแปรรูป 2,400 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ส่วนที่เหลือเป็นการส่งออกในรูปของสินค้ากึ่งวัตถุดิบ โดยประเทศไทยเป็นผู้ส่งออกอาหารไปยังตลาดญี่ปุ่นในอันดับต้นๆ รองจาก สหรัฐฯ จีน แคนาดา และออสเตรเลีย แต่ทั้งนี้การประกาศใช้ระบบ Positive List ของญี่ปุ่น ซึ่งส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการส่งออกสินค้าอาหารของไทยโดยตรง
ทั้งนี้ทางสถาบันอาหารจึงร่วมมือกับองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (JETRO) ในการจัดสัมมนาเรื่อง “ความปลอดภัยด้านอาหารกับโอกาสของอาหารไทยในตลาดญี่ปุ่น” เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้เกี่ยวกับระบบ Positive List ซึ่งเป็นระบบที่ประเทศญี่ปุ่นให้ความสำคัญและมีการตรวจสอบสินค้านำเข้าภายใต้ข้อกำหนดดังกล่าวอย่างเข้มงวด และระบบการตรวจสอบย้อนกลับ (Traceability System) ซึ่งเป็นกลไกในการให้ข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่สำคัญเพื่อให้ความมั่นใจต่อผู้บริโภคในด้านมาตรฐานและความปลอดภัยของสินค้าอาหาร
“สินค้าอาหารส่วนใหญ่ที่ประเทศญี่ปุ่นนำเข้าจากประเทศไทยเป็นสินค้าที่แปรรูปจากผลผลิตการเกษตร ซึ่งจะต้องผ่านการตรวจสอบการตกค้างของสารเคมีตามรายการที่ระบุในระบบ Positive List จำนวนมาก รวมทั้งอาจเกิดปัญหาการตรวจพบสารเคมีบางชนิดที่ญี่ปุ่นไม่มีการตรวจสอบมาก่อน ซึ่งอาจก่อให้เกิดปัญหากับการส่งออกสินค้าอาหารไทยได้อีกในอนาคต” รองผู้อำนวยการสถาบันอาหารกล่าว
อย่างไรก็ตามอุตสาหกรรมอาหารเป็นอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญอย่างมากต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ แต่สิ่งสำคัญที่อุตสาหกรรมอาหารต้องเผชิญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจ คือ มาตรการ กฎ ระเบียบและมาตรฐานด้านต่างๆ ของประเทศคู่ค้าสำคัญที่นับวันจะยิ่งเข้มงวดมากขึ้น โดยเฉพาะภายหลังจากที่เกิดวิกฤติความไม่ปลอดภัยของอาหารที่ผลิตจากประเทศจีนซึ่งก่อให้เกิดผลกระทบเป็น วงกว้างต่ออุตสาหกรรมอาหารทั่วโลกรวมถึงประเทศญี่ปุ่นซึ่งเป็นผู้นำเข้าอาหารที่สำคัญของไทย
ดร.อมร งามมงคลรัตน์ รองผู้อำนวยการสถาบันอาหาร เปิดเผยว่า ปัจจุบันญี่ปุ่นถือว่าเป็นตลาดส่งออกอาหารอันดับ 1 ของไทย มีมูลค่าการส่งออกรวม 3,400 ล้านเหรียญสหรัฐฯ แบ่งเป็นสินค้าแปรรูป 2,400 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ส่วนที่เหลือเป็นการส่งออกในรูปของสินค้ากึ่งวัตถุดิบ โดยประเทศไทยเป็นผู้ส่งออกอาหารไปยังตลาดญี่ปุ่นในอันดับต้นๆ รองจาก สหรัฐฯ จีน แคนาดา และออสเตรเลีย แต่ทั้งนี้การประกาศใช้ระบบ Positive List ของญี่ปุ่น ซึ่งส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการส่งออกสินค้าอาหารของไทยโดยตรง
ทั้งนี้ทางสถาบันอาหารจึงร่วมมือกับองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (JETRO) ในการจัดสัมมนาเรื่อง “ความปลอดภัยด้านอาหารกับโอกาสของอาหารไทยในตลาดญี่ปุ่น” เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้เกี่ยวกับระบบ Positive List ซึ่งเป็นระบบที่ประเทศญี่ปุ่นให้ความสำคัญและมีการตรวจสอบสินค้านำเข้าภายใต้ข้อกำหนดดังกล่าวอย่างเข้มงวด และระบบการตรวจสอบย้อนกลับ (Traceability System) ซึ่งเป็นกลไกในการให้ข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่สำคัญเพื่อให้ความมั่นใจต่อผู้บริโภคในด้านมาตรฐานและความปลอดภัยของสินค้าอาหาร
“สินค้าอาหารส่วนใหญ่ที่ประเทศญี่ปุ่นนำเข้าจากประเทศไทยเป็นสินค้าที่แปรรูปจากผลผลิตการเกษตร ซึ่งจะต้องผ่านการตรวจสอบการตกค้างของสารเคมีตามรายการที่ระบุในระบบ Positive List จำนวนมาก รวมทั้งอาจเกิดปัญหาการตรวจพบสารเคมีบางชนิดที่ญี่ปุ่นไม่มีการตรวจสอบมาก่อน ซึ่งอาจก่อให้เกิดปัญหากับการส่งออกสินค้าอาหารไทยได้อีกในอนาคต” รองผู้อำนวยการสถาบันอาหารกล่าว
อย่างไรก็ตามอุตสาหกรรมอาหารเป็นอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญอย่างมากต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ แต่สิ่งสำคัญที่อุตสาหกรรมอาหารต้องเผชิญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจ คือ มาตรการ กฎ ระเบียบและมาตรฐานด้านต่างๆ ของประเทศคู่ค้าสำคัญที่นับวันจะยิ่งเข้มงวดมากขึ้น โดยเฉพาะภายหลังจากที่เกิดวิกฤติความไม่ปลอดภัยของอาหารที่ผลิตจากประเทศจีนซึ่งก่อให้เกิดผลกระทบเป็น วงกว้างต่ออุตสาหกรรมอาหารทั่วโลกรวมถึงประเทศญี่ปุ่นซึ่งเป็นผู้นำเข้าอาหารที่สำคัญของไทย