ผู้ค้าโอทอปค้านการย้ายสถานที่จัดงานโอทอปประจำปี จากเมืองทองฯ เปลี่ยนกระจายไปตามห้างฯ และสนามศุภฯ ชี้สร้างความลำบากให้ทั้งลูกค้าที่จะเที่ยวงาน และกลุ่มผู้ค้า ด้าน “บุญจง” ระบุเปลี่ยนรูปแบบเพื่อเปิดตลาดใหม่
นายสุวัฒน์ นิลคำ รองประธานสมาคมโอทอปไทย เผยว่า ไม่เห็นด้วยที่รัฐบาลจะย้ายการจัดงานโอทอป ประจำปี จากเดิมที่ทุกครั้งจัด ณ อิมแพค เมืองทองธานี แต่ครั้งนี้ ซึ่งเตรียมจะจัดระหว่างวันที่ 27 มี.ค. – 5 เม.ย. 2552 จะย้ายกระจายไปจัดตามห้างสรรพสินค้าต่างๆ รวม 7 แห่ง ได้แก่ สยามพารากอน เซ็นทรัลเวิล์ด สยามดิสคัฟเวอรี่เซ็นเตอร์ สยามเซ็นเตอร์ อัมรินทร์พลาซ่า มาบุญครอง ดิเอ็มโพเรี่ยม รวมถึง สนามศุภชลาศัย และอุทยานเบญจสิริ เพราะเห็นว่า หากย้ายไปแล้ว จะทำให้ผู้ประกอบการโอทอปขายสินค้าได้ไม่ดีเท่าเดิม เนื่องจากการกระจายไปขายตามห้างต่างๆ โดยแยกกลุ่มสินค้า จะทำให้ลูกค้าไม่สะดวกสบาย กระทบยอดขายน้อยลง
ทั้งนี้ การจัดในเมือง เป็นปัญหาสำหรับผู้ประกอบการโอทอปที่ต้องเดินทางมาขายด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องค่าที่พักต้องเพิ่มมากขึ้น อีกทั้ง ด้วยสภาพการจราจรติดขัด และที่จอดรถไม่สะดวกเท่าเมืองทองฯ รวมถึงอากาศร้อน เป็นอุปสรรคทำให้ลูกค้าไม่อยากมางาน
นายสุวัฒน์ ระบุด้วยว่า จากประสบการณ์ที่ผ่านมา หากนำสินค้าโอทอปไปขายตามห้าง จะขายได้น้อยมาก เนื่องจากกลุ่มลูกค้าไม่ตรงกับสินค้า ส่วนเหตุผลที่รัฐบาลชี้แจงว่า ต้องการให้เปิดตลาดใหม่นั้น คิดว่าไม่ได้ผล และรู้สึกว่ากลุ่มผู้ประกอบการโอทอปถูกใช้เป็นเครื่องมือในการทดลองการทำตลาดรูปแบบใหม่ แต่หากมาร่วมออกร้านแล้ว ขายไม่ได้ สุดท้ายก็ไม่มีใครรับผิดชอบ ดังนั้น อยากขอร้องให้เปลี่ยนกลับไปขายที่เมืองทองเช่นเดิม แต่หากไม่มีการเปลี่ยน สมาชิกของสมาคมจะไม่ขอเข้าร่วมออกบูทในครั้งนี้
ด้านนายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เผยว่า เหตุผลที่รัฐบาลย้ายสถานที่จัดงาน เพราะต้องการเปิดตลาดใหม่ให้แก่ผู้ประกอบการโอทอป เนื่องจากปัจจุบันเศรษฐกิจชะลอตัว กลุ่มลูกค้าระดับกลางและล่างลดการใช้จ่าย ดังนั้น รัฐบาลจึงอยากเปิดตลาดใหม่ให้แก่ผู้ผลิตสินค้าโอทอปได้ขายสินค้าแก่ลูกค้าตลาดบน และนักท่องเที่ยว ซึ่งมีกำลังซื้อสูงกว่า
นายบุญจง กล่าวต่อว่า การจัดงานครั้งนี้ แนวทางจะต่างจากที่เมืองทองธานี โดยกำหนดการและสถานที่คงต้องเป็นไปตามที่วางแผนไว้เดิม เพราะมีการเตรียมการไว้หมดแล้ว แต่หากผู้ค้าบางกลุ่มยืนยันจะจัดที่เดิมจะรับพิจารณา โดยอาจจะมีการจัดงานที่เมืองทองธานีอีกครั้ง ส่วนเรื่องค่าเช่าสถานที่ที่ตัวแทนกลุ่มเข้าใจว่า ใช้งบประมาณค่าเช่า 140 ล้านบาทนั้น เป็นการเข้าใจผิด เพราะค่าเช่าที่ประมาณ 12-13 ล้านบาทเท่านั้น งบประมาณที่เหลือจะใช้ในการโฆษณาประชาสัมพันธ์ ค่าจัดทำบูท การส่งเสริมการขาย รวมทั้งการแสดงและขบวนพาเหรด อีกทั้งยังมีค่าเงินรางวัลในการประกวดขบวนพาเหรด 5 แสนบาท
นายสุวัฒน์ นิลคำ รองประธานสมาคมโอทอปไทย เผยว่า ไม่เห็นด้วยที่รัฐบาลจะย้ายการจัดงานโอทอป ประจำปี จากเดิมที่ทุกครั้งจัด ณ อิมแพค เมืองทองธานี แต่ครั้งนี้ ซึ่งเตรียมจะจัดระหว่างวันที่ 27 มี.ค. – 5 เม.ย. 2552 จะย้ายกระจายไปจัดตามห้างสรรพสินค้าต่างๆ รวม 7 แห่ง ได้แก่ สยามพารากอน เซ็นทรัลเวิล์ด สยามดิสคัฟเวอรี่เซ็นเตอร์ สยามเซ็นเตอร์ อัมรินทร์พลาซ่า มาบุญครอง ดิเอ็มโพเรี่ยม รวมถึง สนามศุภชลาศัย และอุทยานเบญจสิริ เพราะเห็นว่า หากย้ายไปแล้ว จะทำให้ผู้ประกอบการโอทอปขายสินค้าได้ไม่ดีเท่าเดิม เนื่องจากการกระจายไปขายตามห้างต่างๆ โดยแยกกลุ่มสินค้า จะทำให้ลูกค้าไม่สะดวกสบาย กระทบยอดขายน้อยลง
ทั้งนี้ การจัดในเมือง เป็นปัญหาสำหรับผู้ประกอบการโอทอปที่ต้องเดินทางมาขายด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องค่าที่พักต้องเพิ่มมากขึ้น อีกทั้ง ด้วยสภาพการจราจรติดขัด และที่จอดรถไม่สะดวกเท่าเมืองทองฯ รวมถึงอากาศร้อน เป็นอุปสรรคทำให้ลูกค้าไม่อยากมางาน
นายสุวัฒน์ ระบุด้วยว่า จากประสบการณ์ที่ผ่านมา หากนำสินค้าโอทอปไปขายตามห้าง จะขายได้น้อยมาก เนื่องจากกลุ่มลูกค้าไม่ตรงกับสินค้า ส่วนเหตุผลที่รัฐบาลชี้แจงว่า ต้องการให้เปิดตลาดใหม่นั้น คิดว่าไม่ได้ผล และรู้สึกว่ากลุ่มผู้ประกอบการโอทอปถูกใช้เป็นเครื่องมือในการทดลองการทำตลาดรูปแบบใหม่ แต่หากมาร่วมออกร้านแล้ว ขายไม่ได้ สุดท้ายก็ไม่มีใครรับผิดชอบ ดังนั้น อยากขอร้องให้เปลี่ยนกลับไปขายที่เมืองทองเช่นเดิม แต่หากไม่มีการเปลี่ยน สมาชิกของสมาคมจะไม่ขอเข้าร่วมออกบูทในครั้งนี้
ด้านนายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เผยว่า เหตุผลที่รัฐบาลย้ายสถานที่จัดงาน เพราะต้องการเปิดตลาดใหม่ให้แก่ผู้ประกอบการโอทอป เนื่องจากปัจจุบันเศรษฐกิจชะลอตัว กลุ่มลูกค้าระดับกลางและล่างลดการใช้จ่าย ดังนั้น รัฐบาลจึงอยากเปิดตลาดใหม่ให้แก่ผู้ผลิตสินค้าโอทอปได้ขายสินค้าแก่ลูกค้าตลาดบน และนักท่องเที่ยว ซึ่งมีกำลังซื้อสูงกว่า
นายบุญจง กล่าวต่อว่า การจัดงานครั้งนี้ แนวทางจะต่างจากที่เมืองทองธานี โดยกำหนดการและสถานที่คงต้องเป็นไปตามที่วางแผนไว้เดิม เพราะมีการเตรียมการไว้หมดแล้ว แต่หากผู้ค้าบางกลุ่มยืนยันจะจัดที่เดิมจะรับพิจารณา โดยอาจจะมีการจัดงานที่เมืองทองธานีอีกครั้ง ส่วนเรื่องค่าเช่าสถานที่ที่ตัวแทนกลุ่มเข้าใจว่า ใช้งบประมาณค่าเช่า 140 ล้านบาทนั้น เป็นการเข้าใจผิด เพราะค่าเช่าที่ประมาณ 12-13 ล้านบาทเท่านั้น งบประมาณที่เหลือจะใช้ในการโฆษณาประชาสัมพันธ์ ค่าจัดทำบูท การส่งเสริมการขาย รวมทั้งการแสดงและขบวนพาเหรด อีกทั้งยังมีค่าเงินรางวัลในการประกวดขบวนพาเหรด 5 แสนบาท
