หากย้อนไปเมื่อปี 24 ปีที่แล้ว คำว่า “สมุนไพร” ถือว่าเป็นสิ่งที่คนรุ่นใหม่ต่างหลีกหนี เพราะไม่เชื่อมั่นในศักยภาพ ต่างหันไปเห่อของนอก จะมีเพียงแต่ผู้เฒ่าผู้แก่เท่านั้นที่รู้ซึ้งถึงคุณค่า ไม่เปลี่ยนใจจากสมุนไพรไทย โดยนำมาใช้เป็นเครื่องประทินผิวพรรณที่ไม่ต้องกังวลเรื่องสารตกค้าง หรือผลข้างเคียงอย่างผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางจากต่างประเทศ ซึ่ง “ใบว่าน” เรียกได้ว่าเป็นผู้บุกเบิกรายแรกๆ ในตลาดสมุนไพรไทย ที่นำร่องเริ่มต้นธุรกิจด้วยผลิตภัณฑ์บำรุงผิวพรรณ และเส้นผม ที่เกิดจากสมุนไพรไทยล้วน
นิชาภา จันทร์เฉลิม ทายาทธุรกิจรุ่น 2 ห้างหุ้นส่วนจำกัดใบว่าน ย้อนอดีตให้ฟังว่า การเริ่มต้นของธุรกิจนี้ เกิดจากแนวความคิดของครอบครัวที่ต้องการสร้างสรรผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรไทยที่เปี่ยมไปด้วยคุณค่า โดยก่อตั้งในปี 2528 เริ่มจากการผลิตแชมพูใช้ว่านหางจระเข้มาเป็นส่วนผสมหลัก และเป็นที่มาของแบรนด์ “ใบว่าน” ต่อมาก็พัฒนาสูตรต่างๆ ขึ้น เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้ใช้ ไม่ว่าจะเป็น ว่านหางจระเข้ผสมน้ำผึ้ง ดอกอัญชัน ตะไคร้ มะกรูด นับว่าเป็นสมุนไพรเจ้าแรกๆ ในยุคนั้นเลยก็ว่าได้ จนมาปี 2532 ก็ได้รับรางวัลผลิตภัณฑ์ใหม่ดีเด่นประจำปี, รางวัล International and Quality Products Award 1992, รางวัล The Best 100 Products Awards 1993, และรางวัลสินค้าไทยดีเด่นเพื่อคนไทยปี 2540
“แม้เราจะเป็นผู้ที่หันมาจับสมุนไพรไทยเพื่อนำมาทำผลิตภัณฑ์ เป็นรายแรกๆ แต่ด้วยความที่เรายึดแนวคิดแบบเศรษฐกิจพอเพียงมาโดยตลอด ขนาดธุรกิจเล็ก กระชับ ปัญหาน้อย มีโอกาสทำงานเพื่อสังคมบ้าง อาจจะไม่ทะเยอทะยานในด้านความเติบโตทางธุรกิจและผลกำไรนัก แต่ผู้ทำก็มีความสุข ได้ดำเนินธุรกิจที่สอดคล้องกันกับรูปแบบการใช้ชีวิตในครอบครัวไปด้วย อย่างเรื่องกำลังการผลิต ขึ้นกับความต้องการของตลาด เน้นผลิตสินค้าตามออเดอร์ เพื่อให้สินค้าใหม่เสมอและไม่ค้องกังวลปัญหาเรื่องสต็อกสินค้า”
สำหรับใบว่านอาจจะกล่าวได้ว่าเป็นธุรกิจที่ไม่เน้นการโปรโมทมากนัก เน้นให้คุณภาพสินค้าขายได้ด้วยตัวมันเอง โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าที่รู้คุณค่าสมุนไพรไทย ซึ่งที่ผ่านมาสามารถพิสูจน์ได้จากเมื่อ 5-6 ปีที่ผ่านมาคนไทยส่วนใหญ่ยังนิยมใช้เครื่องสำอางจากต่างประเทศประกอบกับผู้ผลิตสินค้าพยายามผลักดันการขายน้ำยาเหล่านี้ จึงประโคมค่านิยมการทำสีผม มีให้เลือกทุกสีทุกแบบและได้ผลด้วย หลังจากที่ผ่านแฟชั่นยุคนิยมย้อมผมทำให้วัยรุ่น คนวัยทำงานได้เรียนรู้ถึงความสุญเสียคุณภาพเส้นผมที่เกิดจากการโกรก ดัด ย้อม การสัมผัสเคมีภัณฑ์ที่รุนแรงด้วยตัวเอง กระแสความนิยมผมดำตามธรรมชาติจึงกลับคืนมาอีก เมื่อต้องการฟื้นฟูเส้นผมก็นึกถึง แชมพูที่อ่อนโยน มีเคมีภัณฑ์น้อยลง แต่ก็ยังต้องการความนิ่มสลวยอยู่
ดังนั้นใบว่านจึงตอบรับตลาดด้วยกลุ่มแชมพูและครีมนวดสูตรทรีทเมนท์ผสมน้ำมันสกัด แทนที่จะใช้เคมีภัณฑ์เสริมสภาพเส้นผมให้คงความนุ่ม และเงางาม ทางใบว่านก็ใช้น้ำมันสกัดตามธรรมชาติที่มีผลดีต่อผิวและเส้นผมมาแทนที่ เช่น น้ำมันมะพร้าว น้ำมันงา น้ำมันมะกอก เป็นต้น เพราะเนื้อแชมพูถูกผสานน้ำมันลงไปในสูตร ส่วนหนึ่งจะเพิ่มความอ่อนโยน ลดการปะทะระหว่างเนื้อแชมพูที่จะไปชำระล้างเส้นผมและหนังศีรษะโดยตรง นอกจากนี้เวลาสระนวด น้ำมันที่อุดมด้วยแร่ธาตุและวิตามินจะซึมซาบลงสู่หนังศีรษะให้ความชุ่มชื้นและส่วนหนึ่งจะให้ความเงางาม คือทดแทนน้ำมันธรรมชาติของเส้นผมที่ถูกชำระล้างออกไปขณะสระด้วย นอกจากนี้ น้ำมันสกัดเป็นสารธรรมชาติจึงไม่มีสารตกค้างและไม่ใช่เคมีภัณฑ์จึงปลอดภัย ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ ทั้งนี้ยังใช้ได้ระยะยาวโดยไม่ต้องคอยเปลี่ยนสูตรแชมพูอีกด้วย
“ปัจจุบันวัยรุ่น คนทำงาน หนุ่มสาวออฟฟิศเริ่มเข้าใจและเห็นคุณค่าของสมุนไพรมากยิ่งขึ้น จึงมีกระแสตอบรับทางการตลาดที่ดีขึ้นเรื่อยๆ ในขณะเดียวกัน แม้จะไม่ได้ใช้ช่องทางโฆษณาหรือทำการตลาดเชิงรุกเลย แต่ยอดการขายและการผลิตก็ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ยังไม่ซบเซาแม้จะผ่านช่วงวิกฤติเศรษฐกิจปี 2540 ซึ่งตอนนั้นก็หนักมาก ใบว่านก็ยังประคองตัวเองมาจนถึงวันนี้ได้ก็เข้าใจว่า สินค้าขายคุณภาพในตัวมันเอง และที่ผ่านมามียุค 1 ตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ เป็นช่วงที่สมุนไพรบูมสุดขีด แต่ปัญหาที่ตามมาคือ สินค้าล้นตลาด ผู้บริโภคมีทางเลือกมากก็จริง แต่สินค้าขาดคุณภาพก็ออกวางขายมากจนทำลายความมั่นใจกลุ่มผู้ใช้สินค้าสมุนไพรอยู่พักหนึ่ง สุดท้ายกลไกตลาดก็สกรีนตัวเองในแง่ที่ว่า สินค้าที่มีคุณภาพก็จะยังอยู่ ส่วนที่ไม่ดีก็เริ่มหายไปจากท้องตลาดด้วยตัวมันเอง บางครั้งวิกฤติก็กลายเป็นโอกาสโดยที่เราก็ไม่ต้องไปหนักใจอะไรกับมันนัก”
สำหรับใบว่านขณะนี้เน้นผลิตภัณ์ที่เกี่ยวกับเส้นผม และผิวพรรณ อย่างสบู่ก้อน สบู่เหลว ครีมบำรุงผิว น้ำมันบำรุงผิว ซึ่งสินค้าทุกชิ้นล้วนทำจากธรรมชาติล้วนๆ ไม่มีสารเคมีเจือปน โดยมีจำหน่ายที่ร้านค้าสุวรรณชาด เลม่อนฟาร์ม ร้านดออยคำ วิลล่ามาร์เก็ท เดอะมอลล์ ตั้งฮั่วเส็ง ฯลฯ ซึ่งลูกค้าก็จะรู้จักเราจากแหล่งตรงนั้นบ้าง จากปากต่อปากบ้าง ทุกวันนี้ในกลุ่มลูกค้าสมุนไพร “ใบว่าน” ก็พอจะเป็นที่รู้จักมากขึ้น
"สำหรับธุรกิจเล็กๆ เราอาจจะไม่มีงบประมาณที่จะไปโฆษณาทางสื่อต่างๆ ซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูงมาก แม้กระทั่งจะลงขายตามร้านสะดวกซื้อและห้างขายปลีกขายส่งชื่อดังที่มีสาขามากมายก็เป็นเรื่องยาก เพราะอาศัยทุนสูง แต่เมื่อเราเลือกทางไปสู่ผู้บริโภคที่กว้างสุดไม่ได้ เราก็ยังโชคดีที่มีร้านค้ากลุ่มทางเลือกเฉพาะทางสมุนไพรขนาดกลางและเล็ก ที่มีนโยบายที่น่ารัก เอื้อเฟื้อ ให้โอกาสกับธุรกิจคนไทยกระจัดกระจายอยู่มากมาย"
***ติดต่อ 02-4241089 หรือที่ www.baivan.com****