“ธูปพุทธมงคล” สืบทอดภูมิปัญญาการผลิตจากบรรพบุรุษ เมื่อมาถึงทายาทรุ่นสามอย่าง “พูลสุข บุนนาค” ได้ต่อยอดธุรกิจ โดยเพิ่มความหลากหลายของสินค้า ทั้งสีสัน และกลิ่นหอม ให้สอดรับความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น และที่สำคัญคงคุณภาพ คำนึงถึงสุขภาพผู้บริโภคมากกว่าจะช่วงชิงข้อได้เปรียบเชิงราคา
พูลสุข บุนนาค เจ้าของกิจการธูปหอม “พุทธมงคล” เล่าว่า กิจการผลิตธูปเป็นธุรกิจประจำตระกูล ถ่ายทอดวิชามาจากรุ่นคุณปู่คุณย่าสู่รุ่นคุณพ่อ กระทั่งตกทอดมาถึงรุ่นตน และพี่น้องในครอบครัว
“พี่น้องจะมีธุรกิจผลิตธูปเป็นของตัวเอง ใช้ชื่อแบรนด์แตกต่างกันไป ปัจจุบันธุรกิจธูปของคุณพ่อก็ยังดำเนินธุรกิจอยู่ ส่วนตัวผมแยกมาสร้างธุรกิจธูปพุทธมงคล จากเริ่มแรกแค่นำธูปที่โรงงานคุณพ่อ มาใส่บรรจุภัณฑ์ใหม่อย่างเดียว จนมีลูกค้าเพิ่มขึ้นมาก จำเป็นต้องแยกมาตั้งโรงงานเป็นของตนเอง ซึ่งคุณพ่อก็สนับสนุนอย่างเต็มที่ โดยผมเปิดโรงงานเมื่อปี 2541 ที่จังหวัดจันทบุรี แล้วดำเนินกิจการด้วยดีมาเรื่อยๆ” พูลสุข เล่าถึงจุดเริ่มธุรกิจ
อย่างไรก็ตาม ธุรกิจประสบมรสุมครั้งสำคัญ เมื่อเกิดน้ำท่วมใหญ่ที่ จ.จันทบุรีในปี 2549 กระทบสินค้าเสียหายจำนวนมาก ถึงขั้นเคยคิดเลิกกิจการ ทว่า ด้วยความผูกพันเปรียบธุรกิจนี้เป็นเหมือนสมบัติประจำตระกูลและส่วนตัวเชี่ยวชาญในอาชีพนี้ที่สุดแล้ว จึงตัดสินใจฮึดสู้อีกครั้ง โดยขอสินเชื่อจากธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอี แบงก์) เพื่อฟื้นฟูกิจการ พร้อมย้ายโรงงานหนีภัยธรรมชาติมาเปิดที่ อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี
ธูปพุทธมงคล รูปร่างภายนอกอาจไม่ผิดแผกแตกต่างจากธูปทั่วไปตามท้องตลาด แต่จุดเด่นที่ซ่อนไว้ คือ คุณภาพของธูป เนื้อจะเรียบเนียนไม่เป็นตะปุ่มตะป่ำ หรือหักงอ พร้อมกับมีกลิ่นหอมของมวลบุปผชาติ จากดอกไม้หลายชนิดผสมผสานกันจนเป็นเอกลักษณ์ที่ลูกค้าจดจำได้ดี โดยกลิ่นจะหอมทนนาน สามารถซื้อเก็บไว้ได้นานหลายเดือน เมื่อนำออกมาใช้กลิ่นหอมยังเหมือนเดิม นอกจากนี้ ยังเสริมคุณสมบัติจุดไฟติดง่าย และจุดติดทุกก้าน สามารถไหม้ได้หมดตลอดทั้งก้าน
และที่สำคัญที่สุด ผลิตโดยคำนึงถึงคุณภาพ เพื่อสร้างความปลอดภัยแก่สุขภาพผู้ใช้ แม้จะต้องแลกด้วยเสียเปรียบด้านการแข่งขันในตลาดก็ตาม
“ธูปที่มีคุณภาพต้องเป็นธูปที่ไม่มีส่วนผสมของสารพิษที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย กระบวนการผลิต ใช้แค่วัตถุดิบ 3 ตัว ได้แก่ ผงไม้หอม ผงแป้ง และผงกาว หากจัดสัดส่วนพอเหมาะ จะได้ธูปคุณภาพดีโดยไม่ต้องอาศัยวัตถุอันตรายใด ๆ เลย แต่ปัจจุบัน มีธูปที่ไม่ได้คุณภาพวางจำหน่ายจำนวนมาก เพราะต้องการลดต้นทุนการผลิตให้ต่ำลง อย่างกรณีต้องการให้ธูปจุดติดง่ายมักจะใส่ดินประสิวลงไป ซึ่งเป็นอันตรายต่อร่างกายอย่างยิ่ง อีกกรณีหนึ่ง คือ การขายธูปจากโรงงาน ส่วนใหญ่จะชั่งขายตามน้ำหนักเป็นกิโลกรัม เพื่อให้ได้น้ำหนักมากและขายได้เงินมากขึ้นบางโรงงานจะใส่ปูนลงไปเพื่อเพิ่มน้ำหนัก ซึ่งสารดังกล่าวจะมีผลต่อร่างกายก่อให้เกิดโรคมะเร็งได้” เจ้าของธุรกิจ กล่าวและอธิบายต่อว่า
ปัญหาดังกล่าว ต้นเหตุเกิดจากการแข่งขันตัดราคากันเองในหมู่โรงงานผลิตธูป หวังแต่ให้ต้นทุนต่ำลง โดยไม่คำนึงถึงสุขภาพ หรือคุณภาพชีวิตของผู้บริโภค ต่างกับธูปพุทธมงคล เลือกจะคำนึงถึงคุณภาพชีวิตผู้ใช้ก่อนกำไร มุ่งผลิตธูปที่ได้มาตรฐานไม่ใส่ส่วนผสมของวัตถุอันตราย
“โรงงานผลิตธูปในประเทศมีมากหลายพันราย ปัจจุบันแข่งขันกันมาก หลายแห่งจะแข่งขันโดยใช้วิธีขายตัดราคา อย่างเช่น ธูปพุทธมงคลขายส่งที่ราคา 8 บาท/ห่อ ราคาจำหน่ายหน้าร้านค้าอยู่ระหว่าง 10-12 บาท ขณะที่ต้นทุนของโรงงาน ตกอยู่ที่ 5 บาท/ห่อ เมื่อผู้ผลิตบางรายที่คิดจะแย่งลูกค้า ก็จะขายส่งตัดราคาที่ 6 บาทหรือต่ำกว่านั้น ซึ่งแทบไม่เหลือกำไรเลย ทำให้เขาเลือกวิธีลดต้นทุนโดยผลิตสินค้าไม่ได้คุณภาพ เมื่อมีกรณีเช่นนี้จำนวนมาก จึงเป็นต้นเหตุให้ธูปที่จำหน่ายในท้องตลาดส่วนใหญ่ไม่มีคุณภาพ” พูลสุข เผย
สำหรับผลิตภัณฑ์ของธูปพุทธมงคล มีหลายประเภท เช่น ธูปเนื้อขาวและธูป 7 สี ซึ่งเป็นธูปที่ใช้สำหรับไหว้พระประจำวัน หรือประจำวันเกิดตามความเชื่อส่วนบุคคล ธูปสีเขียวสำหรับกราบสักการบูชารัชกาลที่ 5 ธูปสีดำสำหรับไหว้พระราหูตามความเชื่อที่ต้องใช้ของสีดำในการบูชา ธูปสำหรับไหว้เจ้าแม่กวนอิม เป็นต้น
ด้านกำลังผลิต ประมาณ 200 กิโลกรัม/วัน กลุ่มลูกค้าในตลาดกรุงเทพฯ จะฝากขายตามร้านค้าปลีกขาประจำ เช่น ร้านสะดวกซื้อ และร้านขายเครื่องสังฆภัณฑ์ เป็นต้น ส่วนต่างจังหวัดจะขายส่งให้ร้านค้าปลีกแต่ละท้องถิ่นไปทำตลาดเอง โดยส่งสินค้าทุกรอบเดือน ในราคา 70 – 80บาท/กิโลกรัม ส่วนตลาดต่างประเทศขณะนี้ส่งออกไปสิงคโปร์ ประมาณ 200 – 500 กิโลกรัม/เดือน
พลูสุข ทิ้งท้ายว่า ในช่วงเศรษฐกิจขาลงส่งผลกระทบต่อธุรกิจเช่นกัน ซึ่งได้ปรับกลยุทธ์โดยเฉพาะเน้นลดต้นทุนค่าขนส่งสินค้า มีการจัดรอบส่งสินค้าให้ชัดเจนมากขึ้นลดความซ้ำซ้อน แต่ละรอบจะคำนวณปริมาณสินค้าให้ส่งได้คุ้มค่าที่สุด รวมถึง ประเมินระยะเวลาที่จะขนส่งสินค้ารอบใหม่ต่อไป วิธีนี้สามารถลดต้นทุนค่าขนส่งได้มาก
********************************
โทร.08-7820- 0239 , 08-9989-2800