ม. เกษตรศาสตร์ แนะหน่วยงานรัฐฯ ดูแลสิ่งแวดล้อม รุกผู้ประกอบการรีสอร์ท และโรงแรม ทำเลใกล้ชิดธรรมชาติ ต้องปรับลดพื้นที่ หรือหยุดการก่อสร้าง งดเว้นสัมปทาน หวั่นความหลากหลายทางธรรมชาติเสียหายหนัก หลังพบวิกฤตยาฆ่าแมลง บุกรุกพื้นที่ป่า ส่งผลสิ่งมีชีวิตสูญพันธุ์เร็วเกินคาด
ดร.นิคม แหลมสัก ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยป่าไม้ คณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เปิดเผยว่า จากการประชุมสุดยอดของโลกว่าด้วยการพัฒนาอย่างยั่งยืน (World summit on sustainable development) ในปี 2545 ได้กำหนดให้ประชาคมโลกช่วยกันลดอัตราการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพลงให้ได้ภายในปี 2553 สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) มอบหมายให้มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เป็นผู้รับผิดชอบทำการสำรวจและจัดเก็บข้อมูลความหลากหลายทางชีวภาพในพื้นที่วิกฤติทางความหลากหลายทางชีวภาพ
ทั้งนี้พื้นที่ จ.ชุมพรและสุราษฎร์ธานี ถือเป็นพื้นนำร่องเพื่อศึกษาผลกระทบดังกล่าว โดยพบว่า พื้นที่ดังกล่าวกำลังถูกคุกคามจากกิจกรรมต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เช่น การปรับเปลี่ยนพื้นที่ป่าเป็นที่พักหรือรีสอร์ท การใช้สารเคมีในการกำจัดแมลง การนำสายพันธุ์พืชหรือสัตว์เข้าไปใช้ในระบบเกษตร และโครงการพัฒนาต่างๆ เป็นต้น
“ขณะนี้ประเทศไทยต้องเร่งสำรวจความหลากหลายทางชีวภาพซึ่งเป็นทุนทางธรรมชาติ และให้ความสำคัญในการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติอย่างจริงจังเพื่อนำมาสู่การแก้ปัญหาที่ยั่งยืนและลดผลกระทบจากการสูญเสีย และการสูญพันธุ์ของสิ่งมีชีวิตให้น้อยลง สมดังเจตนารมณ์ของประชาคมโลกตามเป้าหมาย ปี 2010 เพื่อรักษาสมดุลธรรมชาติ ให้คน สัตว์ และทรัพยากรธรรมชาติอยู่ร่วมกันได้อย่างเหมาะสมสมดุลต่อไป
อย่างไรก็ตาม สำหรับพื้นที่เป้าหมายประกอบด้วย พื้นที่ลุ่มน้ำคลองท่าตะเภา (คลองท่าแซะและคลองรับร่อ) และลุ่มน้ำตาปี (แม่น้ำตาปีและแม่น้ำพุมดวง, บริเวณปากอ่าวทุ่งคา-สวี และอ่าวสุราษฏร์ธานี, หมู่เกาะเต่า เกาะสมุย และเกาะแตน และ นที่เกษตรอำเภอท่าแซะและหลังสวน จังหวัดชุมพร อำเภอพุนพินและนาสาร จังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งพื้นที่เหล่านี้จะต้องมีการลดจำนวนที่พัก รีสอร์ท และโรงแรมเพื่อรักษาสภาพให้คงอยู่อย่างยั่งยืน
ดร.นิคม แหลมสัก ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยป่าไม้ คณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เปิดเผยว่า จากการประชุมสุดยอดของโลกว่าด้วยการพัฒนาอย่างยั่งยืน (World summit on sustainable development) ในปี 2545 ได้กำหนดให้ประชาคมโลกช่วยกันลดอัตราการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพลงให้ได้ภายในปี 2553 สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) มอบหมายให้มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เป็นผู้รับผิดชอบทำการสำรวจและจัดเก็บข้อมูลความหลากหลายทางชีวภาพในพื้นที่วิกฤติทางความหลากหลายทางชีวภาพ
ทั้งนี้พื้นที่ จ.ชุมพรและสุราษฎร์ธานี ถือเป็นพื้นนำร่องเพื่อศึกษาผลกระทบดังกล่าว โดยพบว่า พื้นที่ดังกล่าวกำลังถูกคุกคามจากกิจกรรมต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เช่น การปรับเปลี่ยนพื้นที่ป่าเป็นที่พักหรือรีสอร์ท การใช้สารเคมีในการกำจัดแมลง การนำสายพันธุ์พืชหรือสัตว์เข้าไปใช้ในระบบเกษตร และโครงการพัฒนาต่างๆ เป็นต้น
“ขณะนี้ประเทศไทยต้องเร่งสำรวจความหลากหลายทางชีวภาพซึ่งเป็นทุนทางธรรมชาติ และให้ความสำคัญในการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติอย่างจริงจังเพื่อนำมาสู่การแก้ปัญหาที่ยั่งยืนและลดผลกระทบจากการสูญเสีย และการสูญพันธุ์ของสิ่งมีชีวิตให้น้อยลง สมดังเจตนารมณ์ของประชาคมโลกตามเป้าหมาย ปี 2010 เพื่อรักษาสมดุลธรรมชาติ ให้คน สัตว์ และทรัพยากรธรรมชาติอยู่ร่วมกันได้อย่างเหมาะสมสมดุลต่อไป
อย่างไรก็ตาม สำหรับพื้นที่เป้าหมายประกอบด้วย พื้นที่ลุ่มน้ำคลองท่าตะเภา (คลองท่าแซะและคลองรับร่อ) และลุ่มน้ำตาปี (แม่น้ำตาปีและแม่น้ำพุมดวง, บริเวณปากอ่าวทุ่งคา-สวี และอ่าวสุราษฏร์ธานี, หมู่เกาะเต่า เกาะสมุย และเกาะแตน และ นที่เกษตรอำเภอท่าแซะและหลังสวน จังหวัดชุมพร อำเภอพุนพินและนาสาร จังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งพื้นที่เหล่านี้จะต้องมีการลดจำนวนที่พัก รีสอร์ท และโรงแรมเพื่อรักษาสภาพให้คงอยู่อย่างยั่งยืน
