กกร. ชี้สภาพเศษฐกิจทรุด กระทบผู้ประกอบการเอสเอ็มอีอย่างรุนแรง วอนรัฐบาลรีบเข้ามาช่วยเหลือ เตรียมเสนอมาตรฐานผลักดัน ทั้งด้านลดต้นทุนการผลิต รวมถึงจัดเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ ขณะที่ภาคการท่องเที่ยว กระตุ้นให้เกิดการใช้จ่ายภายในประเทศมากขึ้น รวมถึง เสริมสร้างสภาพคล่องหวั่นรายใหญ่ผลักภาระสู่รายย่อย
นายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) กล่าวว่า จากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ซึ่งคาดว่าจะรุนแรงมากในปีหน้า (2552) ผู้ประกอบการภาคเอกชนจะได้รับผลกระทบอย่างหนัก ทั้งยอดขายตก และการแข่งขันเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะผู้ประกอบการรายย่อย หรือเอสเอ็มอี จะได้รับผลกระทบมากกว่า และรวดเร็วกว่ารายใหญ่ๆ เนื่องจากมีข้อจำกัดทั้งด้านเงินทุน และศักยภาพในการแข่งขัน
ทั้งนี้ กกร. ได้มีมติ เรียกร้องให้ภาครัฐบาล เข้ามาช่วยเหลือเอสเอ็มอี โดยมาตรการที่ควรจะผลักดัน ได้แก่ ส่งเสริมการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ เสริมสร้างและพัฒนาระบบโลจิสติกส์ จัดให้มีเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ หรือซอฟท์โลน โดยรัฐบาลรับภาระดอกเบี้ยบางส่วน ซึ่งประเด็นนี้จะเสนอให้รัฐบาลพิจารณา
นอกจากนั้น จัดให้มีการศึกษาและจ้างผู้เชี่ยวชาญในการทำธุรกิจเฉพาะทางมาให้ความรู้ของคลินิก เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้เอสเอ็มอี อีกทั้ง ด้านท่องเที่ยวซึ่งเกี่ยวเนื่องกับธุรกิจรายย่อยๆ จำนวนมาก ควรกระตุ้นให้มีการท่องเที่ยวในประเทศมากขึ้น จัดฝึกอบรมในประเทศมากขึ้น ใช้งบพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวที่อยู่ในแผนแม่บทปีนี้
รวมถึง เสริมสร้างสภาพคล่องให้ภาคเอกชนที่กำลังประสบปัญหาทางเศรษฐกิจ เพื่อจะแก้ปัญหาที่ผู้ซื้อรายใหญ่มักจะลดภาระการสำรองสภาพคล่องด้วยการยืดเวลาการจ่ายเงินซื้อของจากรายย่อย ทำให้ภาระสำรองสภาพคล่องตกอยู่กับรายย่อย ดังนั้น กกร.จะพยายามเจรจาไม่ให้มีการผลักภาระไปให้รายย่อยต้องสำรองสภาพคล่องแทนรายใหญ่