“ปุยฝ้ายสวรรค์” ขนมมงคล ผลวิจัยปริญญาเอกต่อยอดธุรกิจ

ขนมปุยฝ้ายถือได้ว่าเป็นขนมที่อยู่คู่คนไทยมายาวนาน เพราะตั้งแต่จำความได้เราก็ได้ลองลิ้มชิมรสขนมปุยฝ้ายกันแล้ว แต่ก็ไม่ได้รับความนิยมมากนัก เนื่องจากเนื้อแป้งที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของขนมปุยฝ้าย ที่เมื่อรับประทานมักจะฝืดคอ หรืออาจติดคอได้หากไม่ได้รับประทานน้ำตาม ซึ่งจุดอ่อนดังกล่าว ส่งผลให้ผู้ผลิตลดน้อยลง ตามจำนวนของผู้บริโภคที่ไม่รื่นรมย์นักเมื่อรับประทานขนมปุยฝ้าย

เมื่ออุปสรรคดังกล่าวเป็นผลให้ขนมปุยฝ้ายไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควรนั้น ทำให้ ดร.ธเนศ จิตสุทธิภากร ที่ชื่นชอบการทำขนม และชอบรับประทานขนมแบบนิ่ม ซึ่งปัญหาที่ตามมาคือมักจะฝืดคอ ทำให้คิดที่จะนำองค์ความรู้ในจากการเรียนปริญญาเอกมาต่อยอด ด้วยการนำงานวิจัยมาศึกษา หวังปรับปรุงขนมปุยฝ้ายให้รับประทานง่ายขึ้น และให้คนไทยหันมานิยมบริโภคกันอีกครั้ง เนื่องจากเป็นขนมมงคล ที่ทั้งชาวไทยและชาวจีน ต่างสรรหาเพื่อนำมามอบเป็นของฝากเมื่อไปเยี่ยมเยือน หรือใช้ในงานฉลองเทศกาลต่างๆ เช่น งานวันเกิด งานมงคลสมรส หรือแม้กระทั่งงานฉลองความสำเร็จต่างๆ ซึ่งถือเป็นความมงคลต่อทั้งผู้ให้และผู้รับ

“หลังจากที่เราได้นำงานวิจัยมาปรับปรุงขนมปุยฝ้ายจนได้รสชาติที่ลงตัว รวมถึงขจัดข้อเสียของขนมปุยฝ้ายได้ทั้งหมด คือ ไม่ฝืดคอ รสชาติไม่หวานจนเกินไป สามารถเก็บไว้ในตู้เย็นได้ และเมื่อนำออกมาเพียงแต่นำไปนึ่งหรือนำเข้าไมโครเวฟ เนื้อแป้งจะเหมือนเดิมไม่เละ ซึ่งถือว่าเคล็ดลับดังกล่าวมาจากวิจัยล้วนๆ ภายใต้แบรนด์ “ปุยฝ้ายสวรรค์” โดยอาศัยชื่อ จ.นครสวรรค์ เป็นตัวนำร่อง เพราะมีชื่อที่เป็นมงคลตรงกับความเชื่อของขนมปุยฝ้ายที่เป็นขนมมงคล"

ปัจจุบันขนมปุยฝ้ายของทางร้านฯ ได้พัฒนาให้มีความหลากหลายมากขึ้นทั้งในเรื่องรสชาติ และความแปลกใหม่ที่พยายามทำให้ไม่ซ้ำใคร เช่น ขนมปุยฝ้ายประยุกต์ รสกาแฟ ส้ม วนิลา โรยลูกเกดหรืออัลมอน บรรจุในกล่อง 4 ชิ้น ราคา 40 บาท และปุยฝ้ายรสวนิลา โรยฝอยทองหรือลูกเกด ราคา 33 บาท/กล่อง ในขณะที่รสชาติดั้งเดิม 3 กลิ่น คือ วนิลา สละ และใบเตย ก็ยังได้รับการตอบรับดีจากลูกค้าไม่แพ้กัน

ด้าน นารี จิตสุทธิภากร ผู้รับหน้าที่ดูแลด้านการตลาด กล่าวว่า ปัจจุบันร้านปุยฝ้ายสวรรค์ไม่ได้มีเพียงขนมปุยฝ้ายเท่านั้น แต่ยังเพิ่มทางเลือกเมื่อเข้ามารับประทานขนมในร้านอีกด้วย คือ ขนมซากุระ ที่ได้ไอเดียมาจากเมื่อครั้งไปเที่ยวที่ประเทศญี่ปุ่น โดยเป็นขนมแป้งที่มีความเหนียวนุ่ม สอดไส้ด้วยถั่วเหลืองและถั่วแดงกวน ซึ่งก็ได้รับการตอบรับดีจากลูกค้ามาตั้งแต่ปี 2549 บรรจุ 4 ชิ้น/กล่อง ราคา 38 บาท สามารถเก็บในตู้เย็นได้ 5 วัน ในขณะที่การเก็บในอุณหภูมิปกติได้ 3 วัน (หากนำไปแช่เย็นจะได้ความนุ่มและความหอมเพิ่มมากขึ้น) ต่อมาก็เริ่มทำขนมเปี๊ยะกล่องละ 4 ชิ้น ราคา 36 บาท และขนมชิฟฟ่อน ที่แตกต่างจากตามท้องตลาดที่ลูกค้าคุ้นเคย เพราะทางร้านปุยฝ้ายสวรรค์ ได้นำเนยสดผสมลงได้ด้วย หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “ขนมชิฟฟ่อนบัตเตอร์” เมื่อรับประทานจะให้ความรู้สึกนุ่มลิ้มเหมือนทานขนมเค้ก โดยขายในราคาชิ้นละ 15 บาท หากซื้อ 8 ชิ้น จะบรรจุกล่องเหมาะเป็นของขวัญของฝาก ในราคา 120บาท/กล่อง

“จุดขายของร้านปุยฝ้ายสวรรค์อยู่ที่ความสดใหม่ของขนม แม้จะต้องทำการขนส่งมาจากจ.นครสรรค์ เพื่อมาจำหน่ายที่กรุงเทพฯ (ตลาดบองมาเช่) ก็ตาม โดยขั้นตอนการผลิตและขนส่งทางร้านฯ จะพยายามทำให้มีความสดใหม่เมื่อถึงมือผู้บริโภคให้มากที่สุด คือ โรงงานผลิตจะผลิตที่จ.นครสวรรค์ในช่วงเย็น และส่งขึ้นรถไฟมา เพื่อส่งขายในทันเปิดร้านในช่วงเช้าที่ตลาดบองมาเช่ ทำให้ขนมที่นำมาจำหน่ายใน กทม. จะสดใหม่ทุกวัน เพราะขนมเหลือทางร้านจะไม่นำมาอีกซ้ำอีกในวันถัดมา”

สำหรับแผนธุรกิจในอนาคตทางร้านปุยฝ้ายสวรรค์ได้เตรียมเพิ่มกำลังการผลิตในช่วงเทศกาลปีใหม่ให้เพียงพอต่อความต้องการของลูกค้า ซึ่งในช่วงเทศกาลลูกค้าจะต้องสั่งสินค้าล่วงหน้าอย่างน้อย 2 วัน รวมถึงได้เตรียมจัดทำ Snack Box เพื่อรองรับการจัดสัมมนาหรือการประชุมต่างๆ โดยสั่งขึ้นไปต่ำ 30 กล่องขึ้นไป รวมถึงทางร้านฯ ยังรับออกแบบแพคเกจจิ้งให้กับผู้ประกอบการรายอื่นด้วย


***สนใจติดต่อ 0-2587-6266, 08-1489-7638 หรือที่ www.swansoftcake.com***