นิตยสารโอกาส ธุรกิจ&แฟรนไชส์ เผยผลสำรวจแฟรนไชซี ที่ซื้อแฟรนไชส์ และล้มเลิกกิจการไปแล้ว ส่วนใหญ่ลงความเห็นว่ายังเป็นธุรกิจที่น่าลงทุน และมีแนวโน้มดี ชี้จะนำมาเป็นตัวเลือกในอันดับต้นๆ เมื่อคิดจะเป็นเจ้าของกิจการ หลังผลกำไรเฉลี่ยเดือนละ 10,000-30,000 บาท
นางสาวสมจิตร ลิขิตสถาพร บรรณาธิการบริหาร นิตยสารโอกาส ธุรกิจ&แฟรนไชส์ เปิดเผยถึงผลการสำรวจ ผู้ที่ซื้อแฟรนไชส์ (Franchisee) ทั้งกลุ่มแฟรนไชซี ที่กำลังดำเนินกิจการอยู่ และผู้ที่ไม่ได้ทำแล้ว รวมทั้งสิ้น 300 ราย โดยแบ่งเป็นผู้ประกอบการในต่างจังหวัด 61% และเปิดกิจการในกรุงเทพฯ 39% ที่ โดยเปรียบเทียบวิเคราะห์กับผลที่ผ่านมาเมื่อปี 2548 เนื่องจากระยะหลังมานี้ ภาพพจน์ของธุรกิจแฟรนไชส์ค่อนข้างถูกมองในแง่ลบ
ทั้งนี้ผลการสำรวจพบว่าผู้ซื้อธุรกิจแฟรนไชส์ส่วนใหญ่ อายุ 30 ปีขึ้นไป ที่เป็นวัยสร้างเนื้อสร้างตัว โดยมีระดับการศึกษา ปริญญาตรีขึ้นไป ที่มีอาชีพเดิมเป็นพนักงานบริษัท ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปจากทุกครั้งที่สำรวจอาชีพเดิมส่วนใหญ่จะเป็นผู้ที่มีกิจการอยู่ก่อนแล้ว ซึ่งความเห็นของแฟรนไชซี่ 75% ฟันธงว่าแฟรนไชส์เป็นระบบที่ดี และถ้าให้ทำธุรกิจใหม่ ส่วนใหญ่ 53% ยังคงจะเลือกทำแฟรนไชส์อีก ซึ่งแสดงว่าผู้ทีมีประสบการณ์ในการเข้าสู่ระบบแฟรนไชส์มาแล้ว และยังมีความเชื่อถือในการทำระบบแฟรนไชส์ แม้จะมีความเห็นในส่วนอื่นๆที่ไม่พึงพอใจบ้าง
สำหรับผู้ที่ทำธุรกิจแฟรนไชส์อยู่ส่วนใหญ่นั้นมีร้านกันอยู่ 1 แห่ง 74% แต่อีก 26% มีมากกว่า 1 แห่ง และสัดส่วนการทำธุรกิจไปพร้อมกับธุรกิจอื่นๆใกล้เคียงกันคือ มีธุรกิจอื่นทำอยู่แล้ว 43% ไม่มี 57% ซึ่งเป็นสัดส่วนมีต่างจาก 4 ปีก่อน มีแนวโน้มว่าผู้ที่ทำธุรกิจแฟรนไชส์ นั้นมักจะมีกิจการอื่นๆทำอยู่ด้วย อันเนื่องจากระบบแฟรนไชส์ นั้นเสมือนมีผู้ช่วยในการร่วมทำธุรกิจ ทำให้การบริหารกิจการมีความง่ายขึ้น ซึ่งการลงทุนในธุรกิจแฟรนไชส์ส่วนใหญ่ จะอยู่ในระดับที่ 1-3 ล้านบาท ซึ่งต่างจากช่วง 10 ปีก่อนที่ระดับการลงทุนแฟรนไชส์ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ 3 ล้านขึ้นไป ทั้งนี้เป็นเพราะผู้ขายแฟรนไชส์ได้ปรับทางเลือกในการลงทุนให้เหมาะกับกำลังของผู้ประกอบการ
ส่วนผลกำไรของการทำธุรกิจแฟรนไชส์ 87% จะมีกำไรต่อเดือน แต่ผลกำไรส่วนใหญ่จะอยู่ที่ 10,000-30,000บาท/เดือน แต่การได้กำไรไม่สัมพันธ์กับการลงทุน หากธุรกิจลงทุนเพียงหลักแสน ก็ทำกำไรต่อเดือนได้ในระดับ 20,000-30,000 บาท/เดือน ในขณะที่หากธุรกิจลงทุนในหลักล้าน ก็ยังให้ผลกำไรในระดับเดียวกัน โดยความคุ้มทุนในธุรกิจแฟรนไชส์ ส่วนใหญ่จะยังระบุไม่ได้ แต่สำหรับผู้ที่ระบุได้นั้น ส่วนใหญ่จะตอบว่าคุ้มทุนในระยะ 2 ปี
อย่างไรก็ตามแม้จะมีการกล่าวถึงในด้านลบของการทำธุรกิจแฟรนไชส์กันมาก แต่จากผลสำรวจที่ออกมา จากคนที่ทำแฟรนไชส์อยู่ หรือแม้แต่คนที่เลิกทำไปแล้วก็ตาม ยังมีผลออกมาในเกณฑ์ดี ทั้งในเรื่องของความพึงพอใจในการทำแฟรนไชส์ และความเชื่อต่อระบบแฟรนไชส์ ว่าเป็นระบบที่ดี และพวกเขายังคิดจะทำแฟรนไชส์อีก ถ้าให้เริ่มต้นใหม่ ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ภาพรวมของผู้ประกอบการแฟรนไชส์นั้นยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี และธุรกิจส่วนใหญ่ ยังมีผลกำไรต่อเดือนอยู่
“เป็นที่น่าสังเกตผู้ประกอบการแฟรนไชส์ส่วนใหญ่ ทำธุรกิจยังไม่คุ้มค่าต่อการลงทุน อันเนื่องจากผลกำไรในการลงทุนต่อเดือนส่วนใหญ่ ยังอยู่ในระดับที่ 1-3 หมื่นบาทต่อเดือน แต่ความคุ้มค่านี้ยังดีขึ้นกว่ายุคที่ผ่านมา เพราะกิจการหลายแห่งมีอายุมากขึ้น ซึ่งคาดว่าการสำรวจในครั้งต่อไป ตัวเลขในด้านนี้จะให้ผลกลับกัน คือมีความคุ้มค่ามากกว่า” บก.นิตยสารโอกาสธุรกิจ&แฟรนไชส์ กล่าวทิ้งท้าย
นางสาวสมจิตร ลิขิตสถาพร บรรณาธิการบริหาร นิตยสารโอกาส ธุรกิจ&แฟรนไชส์ เปิดเผยถึงผลการสำรวจ ผู้ที่ซื้อแฟรนไชส์ (Franchisee) ทั้งกลุ่มแฟรนไชซี ที่กำลังดำเนินกิจการอยู่ และผู้ที่ไม่ได้ทำแล้ว รวมทั้งสิ้น 300 ราย โดยแบ่งเป็นผู้ประกอบการในต่างจังหวัด 61% และเปิดกิจการในกรุงเทพฯ 39% ที่ โดยเปรียบเทียบวิเคราะห์กับผลที่ผ่านมาเมื่อปี 2548 เนื่องจากระยะหลังมานี้ ภาพพจน์ของธุรกิจแฟรนไชส์ค่อนข้างถูกมองในแง่ลบ
ทั้งนี้ผลการสำรวจพบว่าผู้ซื้อธุรกิจแฟรนไชส์ส่วนใหญ่ อายุ 30 ปีขึ้นไป ที่เป็นวัยสร้างเนื้อสร้างตัว โดยมีระดับการศึกษา ปริญญาตรีขึ้นไป ที่มีอาชีพเดิมเป็นพนักงานบริษัท ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปจากทุกครั้งที่สำรวจอาชีพเดิมส่วนใหญ่จะเป็นผู้ที่มีกิจการอยู่ก่อนแล้ว ซึ่งความเห็นของแฟรนไชซี่ 75% ฟันธงว่าแฟรนไชส์เป็นระบบที่ดี และถ้าให้ทำธุรกิจใหม่ ส่วนใหญ่ 53% ยังคงจะเลือกทำแฟรนไชส์อีก ซึ่งแสดงว่าผู้ทีมีประสบการณ์ในการเข้าสู่ระบบแฟรนไชส์มาแล้ว และยังมีความเชื่อถือในการทำระบบแฟรนไชส์ แม้จะมีความเห็นในส่วนอื่นๆที่ไม่พึงพอใจบ้าง
สำหรับผู้ที่ทำธุรกิจแฟรนไชส์อยู่ส่วนใหญ่นั้นมีร้านกันอยู่ 1 แห่ง 74% แต่อีก 26% มีมากกว่า 1 แห่ง และสัดส่วนการทำธุรกิจไปพร้อมกับธุรกิจอื่นๆใกล้เคียงกันคือ มีธุรกิจอื่นทำอยู่แล้ว 43% ไม่มี 57% ซึ่งเป็นสัดส่วนมีต่างจาก 4 ปีก่อน มีแนวโน้มว่าผู้ที่ทำธุรกิจแฟรนไชส์ นั้นมักจะมีกิจการอื่นๆทำอยู่ด้วย อันเนื่องจากระบบแฟรนไชส์ นั้นเสมือนมีผู้ช่วยในการร่วมทำธุรกิจ ทำให้การบริหารกิจการมีความง่ายขึ้น ซึ่งการลงทุนในธุรกิจแฟรนไชส์ส่วนใหญ่ จะอยู่ในระดับที่ 1-3 ล้านบาท ซึ่งต่างจากช่วง 10 ปีก่อนที่ระดับการลงทุนแฟรนไชส์ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ 3 ล้านขึ้นไป ทั้งนี้เป็นเพราะผู้ขายแฟรนไชส์ได้ปรับทางเลือกในการลงทุนให้เหมาะกับกำลังของผู้ประกอบการ
ส่วนผลกำไรของการทำธุรกิจแฟรนไชส์ 87% จะมีกำไรต่อเดือน แต่ผลกำไรส่วนใหญ่จะอยู่ที่ 10,000-30,000บาท/เดือน แต่การได้กำไรไม่สัมพันธ์กับการลงทุน หากธุรกิจลงทุนเพียงหลักแสน ก็ทำกำไรต่อเดือนได้ในระดับ 20,000-30,000 บาท/เดือน ในขณะที่หากธุรกิจลงทุนในหลักล้าน ก็ยังให้ผลกำไรในระดับเดียวกัน โดยความคุ้มทุนในธุรกิจแฟรนไชส์ ส่วนใหญ่จะยังระบุไม่ได้ แต่สำหรับผู้ที่ระบุได้นั้น ส่วนใหญ่จะตอบว่าคุ้มทุนในระยะ 2 ปี
อย่างไรก็ตามแม้จะมีการกล่าวถึงในด้านลบของการทำธุรกิจแฟรนไชส์กันมาก แต่จากผลสำรวจที่ออกมา จากคนที่ทำแฟรนไชส์อยู่ หรือแม้แต่คนที่เลิกทำไปแล้วก็ตาม ยังมีผลออกมาในเกณฑ์ดี ทั้งในเรื่องของความพึงพอใจในการทำแฟรนไชส์ และความเชื่อต่อระบบแฟรนไชส์ ว่าเป็นระบบที่ดี และพวกเขายังคิดจะทำแฟรนไชส์อีก ถ้าให้เริ่มต้นใหม่ ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ภาพรวมของผู้ประกอบการแฟรนไชส์นั้นยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี และธุรกิจส่วนใหญ่ ยังมีผลกำไรต่อเดือนอยู่
“เป็นที่น่าสังเกตผู้ประกอบการแฟรนไชส์ส่วนใหญ่ ทำธุรกิจยังไม่คุ้มค่าต่อการลงทุน อันเนื่องจากผลกำไรในการลงทุนต่อเดือนส่วนใหญ่ ยังอยู่ในระดับที่ 1-3 หมื่นบาทต่อเดือน แต่ความคุ้มค่านี้ยังดีขึ้นกว่ายุคที่ผ่านมา เพราะกิจการหลายแห่งมีอายุมากขึ้น ซึ่งคาดว่าการสำรวจในครั้งต่อไป ตัวเลขในด้านนี้จะให้ผลกลับกัน คือมีความคุ้มค่ามากกว่า” บก.นิตยสารโอกาสธุรกิจ&แฟรนไชส์ กล่าวทิ้งท้าย
