‘ปทุมทิพย์’ น้ำพริกเมืองสิงห์ งัดสูตรโบราณดันแบรนด์ขึ้นห้าง

เพราะรักในการปรุงอาหาร และสามารถทำได้ดีเกือบทุกชนิด แต่ที่ชื่นชอบ และถนัดมากที่สุดคือ น้ำพริก ตั้งความหวังสักวันต้องเป็นเจ้าของกิจการให้ได้ ฉวยโอกาสช่วงวิกฤติเศรษฐกิจปี 40 ตามหาฝัน สละเงินเดือนลูกจ้างชั่วคราวหันมาสวมบทแม่ค้าขายน้ำพริก นำสูตรเด็ดโบราณที่ค้นพบจากผู้เฒ่าเมืองสิงห์บุรีมาเป็นจุดขาย สร้างความต่างในรสชาติ เน้นการผลิตที่ได้มาตรฐาน เป็นที่ยอมรับของผู้บริโภค

ช่วงเวลาเพียงแค่ 3 ปี “ประทุม แก่นจ้าย” หญิงวัย 50 ปี จากจังหวัดสิงห์บุรี สามารถนำกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรปทุมทิพย์ กระโดดขึ้นมาอยู่แถวหน้าในวงการธุรกิจผู้ผลิตน้ำพริกได้สำเร็จ ภายใต้แบรนด์ “ปทุมทิพย์” ที่ปัจจุบันมีมากกว่า 15 ชนิด กระจายอยู่ทั่วประเทศ สร้างงาน สร้างรายได้ เลี้ยงชุมชนนับแสนบาทต่อเดือน
ประทุม แก่นจ้าย

จุดเริ่มต้นของธุรกิจเกิดขึ้นเมื่อสิบกว่าปีที่ก่อน ประทุม ย้อนให้ฟังว่า ช่วงนั้นทำงานเป็นลูกจ้างชั่วคราวที่กรมชลประทาน จังหวัดสิงห์บุรี ได้เงินเดือนไม่กี่พันบาท ประกอบกับปี 2540 เศรษฐกิจฟองสบู่แตก เกิดความไม่มั่นใจในงานประจำ เพราะเป็นแค่ลูกจ้างชั่วคราว ตัดสินใจลาออกมาเป็นแม่ค้าขายน้ำพริกโดยเฉพาะ

เนื่องจากมีฝีมือเป็นทุนอยู่แล้ว ประทุมร่วมกับเพื่อน 3 คน เปิดร้านตำน้ำพริกขายตามตลาดในหมู่บ้าน โดยนำสูตรโบราณที่ได้รับการถ่ายทอดจากคนเฒ่าคนแก่ ใน บ้านหัวป่า อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี ที่เคยปรุงอาหารถวายเจ้านายในวัง มาปรุงแต่งพัฒนาจนได้รสชาติเฉพาะตัว ไม่เหมือนใคร เป็นที่โดนใจลูกค้า ส่งผลให้ขายดิบขายดี ขึ้นขั้นขยายกิจการ ตั้งเป็นกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรปทุมทิพย์ ผลิตในระบบอุตสาหกรรมครัวเรือน โดยตั้งกลุ่มสำเร็จในปี 2543 และพัฒนาสินค้าต่อเนื่องมาจนปัจจุบัน
ผลิตภัณฑ์น้ำพริกชนิดต่างๆ ของ ปทุมทิพย์

“รสชาติของน้ำพริกสูตรโบราณจะกลมกล่อม มีความพอดีในทุกรสชาติ เคล็ดลับคือ ความพิถีพิถันในทุกๆ ขั้นตอน ตั้งแต่การเลือกวัตถุดิบต้องคัดเกรดเอทั้งหมด อย่างน้ำพริกนรกปลาช่อน ก็ต้องเป็นปลาช่อนแม่ลาจริงๆ กุ้งเสียบ ก็ต้องเป็นกุ้งแห้งเบอร์หนึ่งจากภาคใต้ หรือปลาร้า ก็ต้องดีที่สุดจากภาคอีสาน เป็นต้น ส่วนขั้นตอนการผลิต สะอาด ถูกหลักอนามัย ไม่ใส่สารกันบูด และเก็บได้นานถึง 7 เดือน จากคุณภาพเช่นนี้ เป็นจุดเด่นที่ทำให้สินค้าได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคทั่วประเทศ และเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้สินค้าของกลุ่มฯ ได้วางขายในห้างเทสโก้ โลตัสทั่วประเทศ โดยไม่ต้องเสียค่าเช่าพื้นที่ ช่วยเพิ่มรายได้ และช่วยขยายตลาดที่สำคัญอีกด้วย ”

จากเริ่มตำน้ำพริกด้วยครกแค่ 3 ชนิด เมื่อสิบกว่าปีก่อน ปัจจุบันพัฒนานำระบบเครื่องจักรมาช่วย ผลิตสินค้าออกสู่ตลาดในรูปแบบหลากหลาย มากกว่า 15 ชนิด เช่น น้ำพริกนรกปลาช่อน น้ำพริกนรกแมงดา น้ำพริกกุ้งกลางดง น้ำพริกปลาเสียบ น้ำพริกเผากุ้ง น้ำพริกเผาปลาย่าง น้ำพริกกุ้ง และน้ำพริกเผาปลาร้า เป็นต้น ทุกชนิดล้วนผ่านการรับรองจากคณะกรรมการอาหารและยา อีกทั้ง ได้รับมาตรฐานสินค้าโอทอป 4 ดาว และรางวัลการันตี จากเวทีประกวดอาหารระดับประเทศมากมาย

ยอดผลิตเฉพาะน้ำพริกเฉลี่ยต่อเดือนประมาณ 8,000 -10,000 กิโลกรัม ราคาขายแตกต่างกันตามขนาด และชนิดของน้ำพริก เริ่มต้นที่กิโลกรัมละ 100 บาท ถึงสูงสุด 500 บาท ถ้าแบบบรรจุกระปุกมีให้เลือก 4 ขนาดตั้งแต่ 50 , 100 , 300 และ 500 กรัม ราคาอยู่ที่ 15 -120 บาท วางขายตามร้านของฝากชั้นนำ และศูนย์โอทอป ห้างเทสโก้ โลตัส ทั่วประเทศ
สมาชิกกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรปทุมทิพย์

จากธุรกิจเล็กๆ ที่เริ่มต้นด้วยเงินทุนเพียงไม่กี่บาท กับแรงงานแค่ 3 คน ทุกวันนี้ธุรกิจเติบโตสร้างรายได้เข้ากลุ่มเฉลี่ยเดือนละประมาณ 500,000 บาท ส่งผลให้สมาชิก 33 ชีวิต มีรายได้ประจำ 6000 - 8,000 บาทต่อเดือนต่อคน

ประทุม ทิ้งท้ายว่า แม้ขณะที่ภาวะเศรษฐกิจซบเซา ธุรกิจทั่วไปต่างยอดขายตก แต่ยอดขายน้ำพริก “ปทุมทิพย์” กลับสวนกระแสขายดีสม่ำเสมอ ทำให้อนาคตอยากจะขยายตลาดไปยังต่างประเทศด้วย