เตรียมนำร่องเปิดพื้นที่ขายสินค้าใต้ทางด่วน วันที่ 1 พ.ย. นี้ ช่วยเพิ่มช่องทางตลาดให้แก่ ผปก.รายย่อย และกลุ่มเกษตร นำร่อง 4 แห่ง ได้แก่ บริเวณใต้ทางด่วนถนนรามอินทรา, สีลม, สุขุมวิท และอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ระบุปรับพื้นที่มีทั้งแบบวอล์คกิ้งสตรีท ไนท์บาซาร์ และตลาดมหาชน แย้มคิดค่าเช่าราคาถูกวันละ 100 บ.ต่อบูท
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รักษาการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า โครงการนำพื้นที่ใต้ทางด่วน 14 แห่ง มาปรับปรุงเป็นพื้นที่กระจายสินค้า และเป็นที่เปิดหน้าร้านค่าเช่าราคาถูกให้แก่ผู้ประกอบการรายย่อยอย่างเอสเอ็มอี และกลุ่มเกษตร ทั้งนี้ เพื่อให้ประชาชนรู้ว่า มีการเปิดพื้นที่ดังกล่าวขึ้นแล้ว ในวันที่ 1 พ.ย.51 ที่จะถึงนี้ จะเริ่มเปิดนำร่อง ในพื้นที่ 4 แห่ง ได้แก่ บริเวณใต้ทางด่วนถนนรามอินทรา, สีลม, สุขุมวิท และอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ซึ่งขณะนี้ กำลังเร่งให้บริษัทเอกชนที่ได้รับงานรีบพัฒนาทรัพย์สิน และประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับรู้
ทั้งนี้ การพัฒนาพื้นที่ใต้ทางด่วนจะเน้นรูปแบบดำเนินการด้วย 3 แนวคิด คือ 1. วอล์คกิ้ง สตรีท ใช้พื้นที่ย่านสีลม และสุขุมวิท ด้วยการปรับพื้นที่ให้สวยงาม ติดแอร์ ปรับภูมิทัศน์ให้ดูดี ขายสินค้าทั่วไป งดจำหน่ายอาหาร รองรับนักท่องเที่ยวและพนักงานหนุ่มสาวออฟฟิศ ราคาเช่าจะคิดตามทำเลให้เหมาะสม 2.ไนท์บาซาร์ ใช้พื้นที่ริมทางด่วนรามอินทรา พัฒนาให้เหมือนกับตลาด อตก. เพื่อจำหน่ายผัก ผลไม้ และสินค้าอื่นๆ และ 3. ตลาดมหาชน เช่น บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ จำหน่ายสินค้าแฟชั่น ของใช้ทุกประเภท เพื่อให้ผู้ประกอบการรายย่อยเข้าไปขายสินค้าทั้งเอสเอ็มอีและเกษตรกร
นายพิชัย ยอมรับว่าพื้นที่บางส่วนต้องเจรจากับประชาชนที่เข้าบุกรุกใช้ที่ดินของราชการอยู่ เพื่อเข้าไปปรับปรุงพัฒนาพื้นที่ให้เป็นร้านจำหน่ายสินค้าในรูปแบบเดียวกัน สำหรับรายย่อยอาจเก็บค่าเช่าเพียงวันละ 100 บาท/บูท และจะเพิ่มตามทำเลและขนาดของร้าน โดยจะให้มีธนาคาร สิ่งอำนวยความสะดวกอื่นเข้าไปให้บริการครบวงจรด้วย
ทั้งนี้ เมื่อสามารถเลือกนายกรัฐมนตรีและตั้งคณะรัฐมนตรีได้แล้วก็จะเร่งเสนอโครงการให้พิจารณา เพราะโครงการพัฒนาพื้นที่ 14 แห่งต้องใช้งบประมาณ 1,000 ล้านบาท จัดบูทจำหน่ายสินค้ากว่าหมื่นบูธ สำหรับพื้นที่นำร่อง 4 แห่งแรก ปรับปรุงร้าน 2,000 บูท ใช้เงินประมาณ 200 ล้านบาท และเมื่อ ครม.เห็นชอบแล้วจะเปิดให้ผู้ประกอบการหรือประชาชนทั่วไปเข้าประมูลใช้พื้นที่ร้านจำหน่ายโดยจะเปิดให้ประกวดราคาอย่างเป็นธรรม และผู้ประมูลเท่านั้นมีสิทธิ์ใช้พื้นที่โดยห้ามเซ้งต่อให้ผู้อื่น เพราะต้องการให้ผู้ต้องการจำหน่ายสินค้าและมีประสบการณ์เท่านั้นเข้ามาใช้พื้นที่ดังกล่าว