สันติ ชี้ต่างชาติไม่มั่นใจความปลอดภัยชะลอเดินทางมาไทย หลังรัฐบาลประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แนะรัฐฯ ควรยกเลิกโดยเร็ว และไม่ควรประกาศเคอร์ฟิว เตือนหากสถานการณ์บานปลายประเทศคู่ค้า อาจหันไปสั่งสินค้าประเทศคู่แข่งแทน เผยภาคการส่งออกเป็นปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ควรให้ความสำคัญเป็นอันดับหนึ่ง
นายสันติ วิลาศศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า การที่รัฐบาลใช้พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อต้องการควบคุมสถานการณ์ไม่ให้เกิดเหตุรุนแรง แต่การใช้ พ.ร.ก.ดังกล่าวก็มีผลลบ เพราะจะทำให้ต่างชาติมองว่าประเทศไทยมีความไม่ปลอดภัย และจะทำให้นักธุรกิจและนักท่องเที่ยวยิ่งชะลอการเข้ามาในประเทศไทย
นายสันติ กล่าวว่า การใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินต้องมีเหตุจลาจลและเกิดความไม่สงบ ดังนั้น หากเหตุการณ์อยู่ในความสงบ และไม่มีเหตุรุนแรงแล้ว รัฐบาลควรยกเลิกการใช้ พ.ร.ก.โดยเร็ว เพราะไม่เป็นผลดีต่อภาพลักษณ์ของประเทศ โดยจะถูกมองว่ากรุงเทพมหานครยังมีปัญหาอยู่ รวมทั้งเห็นว่ารัฐบาลไม่ควรประกาศเคอร์ฟิว เพราะจะกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชนได้
นายสันติ กล่าวด้วยว่า ขณะนี้เอกชนกำลังประสบปัญหาในการส่งออกสินค้า เพราะมีหลายสมาคม เช่น สมาคมข้าว สมาคมสิ่งทอ มีการร้องเรียนว่าการส่งออกสินค้าไม่เป็นไปตามกำหนด หลังจากที่เกิดการประท้วงของพนักงานรัฐวิสาหกิจ เพราะมีพนักงานหยุดงานประท้วง ซึ่งหากสถานการณ์บานปลายมากกว่านี้จะกระทบต่อ
คู่ค้าของไทย ทำให้อาจจะหันไปสั่งซื้อสินค้าจากประเทศคู่แข่งแทน ดังนั้น เรื่องนี้ต้องดูให้ดี เพราะการส่งออก เป็นปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสินค้าส่งออกก็มี อาหารสด ผัก ผลไม้ หากส่งสินค้าไม่ทันกำหนดเวลา ก็จะเกิดการเน่าเสียได้
“สถานการณ์ทางการเมืองในขณะนี้ไม่เป็นผลดีต่อภาวะเศรษฐกิจ และภาพลักษณ์ของประเทศไทย สิ่งสำคัญที่รัฐบาลต้องเร่งทำคือการคลี่คลายสถานการณ์โดยเร็ว ไม่ให้เกิดความรุนแรง” นายสันติ กล่าว