จากความสวยงามของผ้าไหม ถูกนำมาตัดเย็บเป็นรองเท้าส้นสูง ดีไซน์สง่างาม ในชื่อเครื่องหมายการค้า “นริดา” จากฝีมือของคนหนุ่มรุ่นใหม่ ซึ่งพลิกวิกฤตเป็นโอกาส สร้างสรรค์รองเท้าที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ชูความเป็นไทยในสไตล์หรู
จิรยุทธ์ ชลทิศ วัย 28 ปี เจ้าของธุรกิจ หจก.ดรีมเฮาส์โปรดักชั่น ผู้ผลิตและจำหน่ายรองเท้าผ้าไหม แบรนด์“นริดา” (Narida) เล่าจุดเริ่มต้นมาจากความพยายามปรับตัวของธุรกิจ จากเดิมเป็นพ่อค้าคนกลางรับรองเท้าราคาถูก ประเภท 199 บาท ส่งไปขายต่อยังต่างประเทศ กระทั่งถูกคู่แข่งจากจีน เวียดนาม อาศัยข้อได้เปรียบเรื่องราคาแย่งตลาดไป จำเป็นต้องเปลี่ยนแนวสินค้าให้แตกต่างออกไป พร้อมหันไปหาลูกค้าตลาดบนแทน
“ไอเดียมาจากผมอยากนำวัสดุไทยๆ มาประยุกต์ให้เกิดเอกลักษณ์ของตัวเอง โดยเลือกเป็นผ้าไหม เพราะแต่ละลายมีเอกลักษณ์และเป็นภูมิปัญญาดั้งเดิมของไทย สามารถพลิกแพลงได้หลากหลาย เมื่อรวมกับการเป็นงานแฮนด์เมด ผลิตโดยช่างฝีมือคนไทย ใส่ดีไซน์สากล ช่วยเพิ่มคุณค่าให้สินค้า และยังป้องกันต่างชาติเลียนแบบได้ด้วย”
เจ้าของธุรกิจ เล่าต่อว่า ใช้ทุนเริ่มต้นประมาณ 4 แสนบาท ส่วนใหญ่หมดไปกับการลองผิดลองถูกให้ได้รูปแบบและมาตรฐานตามต้องการ โดยการผลิตใช้วิธีว่าจ้างทั้งหมด ตั้งแต่ว่าจ้างโรงงานทอผ้าไหม ว่าจ้างช่างตัดเย็บ และช่างรองเท้า ซึ่งวิธีนี้มีข้อดี ไม่ต้องลงทุนสูง ในการซื้อเครื่องจักร สร้างโรงงาน หรือว่าจ้างพนักงานจำนวนมาก โดยบริษัทมีพนักงานประจำเพียง 2 คนเท่านั้น อย่างไรก็ตาม การว่าจ้างผลิตทั้งหมด ต้องแลกกับการทำงานที่ยุ่งยาก ซับซ้อน ต้องคอยประสานงาน และถ้วนถี่ในการตรวจสอบคุณภาพ
“รองเท้าหนึ่งคู่ที่ออกมา ต้องมีส่วนประกอบกว่า 20 ชิ้น ซึ่งทุกอย่างต้องบริหารจัดการได้ครบถ้วน และพร้อมเพรียงกัน สิ่งสำคัญคือระบบการบริหาร โดยต้องคอยกำชับช่างรองเท้า ให้รับผิดชอบ ให้งานออกมาผ่านเกณฑ์ของผม ที่ตั้งว่า รองเท้าผ้าไหม “นริดา” ต้องใส่สบาย แข็งแรงทนทาน ไม่มีปัญหายับ ย่น ย้วย เพราะการทำธุรกิจรองเท้าให้ประสบความสำเร็จผมจะคิดเสมอว่า ลูกค้าซื้อไปแล้วต้องรู้สึกคุ้มค่ากับเงินที่เขาเสียไป ได้สินค้าคุณภาพดี ดีไซน์เป็นเอกลักษณ์ หาไม่ได้ในท้องตลาด และราคาสมเหตุสมผล”
เนื่องจากเป็นผู้ประกอบการรายเล็กๆ เคล็ดลับที่ช่วยให้ธุรกิจตั้งไข่สำเร็จ จิรยุทธ์ ระบุว่า ต้องคุมต้นทุนไม่ให้จมกับสต๊อกสินค้า ดังนั้น ก่อนจะผลิตแต่ละแบบออกมา จะสอบถามความต้องการของตลาดและทดลองตลาดจนแน่ใจเสียก่อนว่า จะไม่เกิดปัญหาค้างสต๊อก ดังนั้น รองเท้า “นริดา” จึงมีแบบ สี และขนาด ไม่มากนัก เลือกคัดเฉพาะที่เชื่อว่าจะขายได้แน่ๆ
“ธุรกิจรองเท้ามีความเสี่ยงด้านค้างสต๊อกมาก ดังนั้น การออกแบบก่อนจะผลิต ผมจะต้องสอบถามความต้องการของลูกค้า รวมถึงเก็บข้อมูลความต้องการของตลาดก่อน ทั้งโทนสี ขนาด ฯลฯ ให้แน่ใจว่า ทำมาแล้วขายออกแน่ๆ ดังนั้น รองเท้าของผมจะมีแบบ สี และขนาดไม่มากนัก รวมแล้วประมาณ 15 แบบ ส่วนใหญ่หนึ่งสีต่อหนึ่งแบบ แต่ละแบบมีประมาณ 3-6 ขนาดเท่านั้น เน้นเป็นรองเท้าส้นสูง ดูหรูหรา เน้นคลาสสิก ไม่ตามกระแสแฟชั่นมากจนเกินไป พยายามให้ลูกค้าเกิดความรู้สึกว่าเป็นรองเท้าที่จำเป็นต้องมีไว้ใช้”
นอกจากนั้น ด้านการตลาด เน้นขายด้วยตัวเอง ตัดขั้นตอนผ่านพ่อค้าคนกลางออกไป เพื่อลดต้นทุนการตลาด ไม่ให้สินค้าราคาสูงเกินไป
สำหรับตลาดหลักในปัจจุบัน 70% ส่งออกต่างประเทศ เช่น สิงคโปร์ และอังกฤษ เป็นต้น ส่วนตลาดในประเทศเน้นออกงานแสดงสินค้าร่วมกับหน่วยงานภาครัฐที่สนับสนุนSMEs เช่น กรมส่งเสริมการส่งออก กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม และสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เป็นต้น โดยคัดเฉพาะงานใหญ่ๆ เฉลี่ยเพียงปีละ 4 ครั้งเท่านั้น
ทั้งนี้ รองเท้า “นริดา” ราคาเริ่มต้นที่ 1,200 – 1,600 บาท กลุ่มลูกค้าหลักคือ สุภาพสตรีวัย 20 ปีขึ้นไป ตั้งแต่นักศึกษา พนักงานบริษัท เจ้าของธุรกิจ และผู้บริหาร ซึ่งชอบสินค้าที่มีความเป็นตัวของตัวเอง ไม่ซ้ำแบบใคร เหมาะทั้งใส่ออกงานกลางคืน และใส่ในชีวิตประจำวัน
กลยุทธ์ตลาดอีกด้านของรองเท้าผ้าไหมรายนี้ คือ จะไม่ลดราคาเด็ดขาด โดยจิรยุทธ์ให้เหตุผลว่า การลดราคาเป็นการฆ่าตัวตาย โดยเฉพาะระดับ SMEs ซึ่งสายป่านสั้น เพราะหากลดราคาครั้งหนึ่งแล้ว ครั้งต่อไปลูกค้าจะเกิดพฤติกรรมรอซื้อเมื่อลดราคาเท่านั้น กระทบให้ธุรกิจระดับเล็กๆ ขาดเงินทุนหมุนเวียน ดังนั้น เขาจึงเลือกไม่ลดราคา และออกงานแสดงสินค้าน้อยครั้ง เมื่อลูกค้ามาพบเจอสินค้าที่เคยซื้อแล้วติดใจ จะตัดสินใจซื้อซ้ำทันที
นอกจากนั้น การซื้อขายจะเน้นตัดเงินสดมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อให้มีเงินเข้ามาหมุนเวียน ในกรณีออเดอร์จากต่างประเทศ จะเรียกเก็บเงินมัดจำล่วงหน้า รวมถึง เจรจาของซื้อขายเป็นเงินสกุลยูโร เพื่อลดความเสี่ยงจากค่าเงินสหรัฐอ่อนตัว
หลังจากเริ่มธุรกิจเมื่อปี 2549 ด้วยจุดขายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ประกอบกับมีแผนการตลาดเข้มแข็ง ช่วยให้สามารถคืนเงินลงทุนได้ในเวลาไม่ถึงปี และแต่ละปีมีอัตราเติบโตเพิ่มขึ้น 30% โดยยอดขายเฉลี่ยหลักแสนต่อเนื่องสม่ำเสมอ
ด้านคู่แข่งนั้น จิรยุทธ์ ระบุว่า ในประเทศไทย มีผู้ผลิตรองเท้าผ้าไหมประมาณ 3-4 ราย ทว่า รายอื่นๆ ต่างเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ ราคาสินค้าจะแพงกว่ามาก ดังนั้น รองเท้าผ้าไหมราคาระดับกลางจึงมีของ “นริดา” รายเดียว ทำให้ไม่มีคู่แข่งโดยตรง
อย่างไรก็ตาม ด้วยข้อจำกัดเป็นงานแฮนด์เมด รองเท้า “นริดา” จึงมีปัญหาผลิตสินค้าได้น้อย เฉลี่ยเดือนละไม่เกิน 700-800 คู่เท่านั้น โดยการรับออเดอร์ต่างประเทศ ลูกค้าต้องสั่งจองล่วงหน้า 3 เดือนทีเดียว และแม้ว่า จะมีปัญหาดังกล่าว แต่เจ้าของธุรกิจ บอกว่า ยังไม่คิดจะกู้เงินเพื่อขยายธุรกิจ เพราะอยากจะเติบโตอย่างช้าๆ แต่มั่นคง ใช้กำไรมาต่อยอดธุรกิจมากกว่า
*****************
โทร.08-5906-6990 , www.ftibusinessmatching.com/narida