เครื่องประดับในรูปแบบของงานฝีมือหรือ แฮนด์เมด กำลังเป็นที่ต้องการของตลาด เพราะจุดเด่นของเครื่องประดับประเภทนี้ อยู่ที่รูปแบบและดีไซน์ ที่ไม่ซ้ำใคร และการก้าวเข้ามาสู่ตลาดเครื่องประดับประเภทงานฝีมือเป็นเรื่องที่ไม่ยาก เพียงแค่มีไอเดีย และมีความชื่นชอบในงานฝีมือ ก็สามารถทำเครื่องประดับจำหน่ายได้
เช่นเดียวกับ เครื่องประดับภายใต้แบรนด์ Fairy Tales เครื่องประดับประเภทงานฝีมือ ที่เกิดขึ้นมาจาก ความหลงไหลในศิลปะของเจ้าของ อย่าง คุณอิน- อินทิรา กตัญญุตานนท์ เจ้าของบูติคโฮเทล ย่านสุขุมวิท ที่ขอใช้เงินบางส่วนมาทำงานศิลปะที่รัก ด้วยการออกแบบเครื่องประดับในสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง ด้วยการเลือกใช้วัสดุหลัก อย่างหนังสัตว์ย้อมสี
อินทิรา เล่าถึง Fairy Tales ว่า เกิดขึ้นมาจากการรวมตัวกันของเพื่อนอีก 2 คน ที่ทำงานด้านแฟชั่นดีไซน์มาด้วยกันจากบริษัทด้านแฟชั่นที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง คือ คุณโอ๊ะ-กุลธิดา บัณฑุรักษ์ และ คุณโอ๊ต-ธนาวุฒิ อินทรอักษร ซึ่งเราทั้ง 3 คนมีความชื่นชอบในเรื่องราวของความสวยงามของเครื่องประดับสไตล์วินเทจ เหมือนกัน จึงกลายเป็นแรงบันดาลใจในการสร้าง Fairy Tales ขึ้นมาในครั้งนี้
สำหรับการเปิดตัวครั้งแรกเมื่อมีนาคมที่ผ่านมา โดย ได้มีการนำเสนอรูปแบบออกมา 3 คอลเลกชั่น เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าที่มีไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกัน เริ่มจาก คอลเลกชั่นแรก Musculine Collection ในคอลเลกชั่นนี้จะเน้นรูปแบบที่ให้โทนสีที่ดูสุขุม เช่น การนำทองเหลืองมาหุ้มด้วยหนังสัตว์ที่ย้อมสีธรรมชาติ และประดับด้วยจิวเวลรี เพิ่มงานให้ดูมีคุณค่า หรือ นำหนังสีดำมาประดับด้วยมุก และทองเหลือง ฝั่งจิวเวลรี เหมาะสำหรับผู้หญิง ที่มีบุคคลิกเท่ห์ และผู้ชายที่ชอบการผจญภัย
ส่วนคอลเลกชั่นที่ 2 มีชื่อว่า Nuetral Collection เป็นคอลเลคชั่นที่ทำออกมาเอาใจผู้หญิงทำงานยุคใหม่ที่มีความกระตือรือร้น ทะมัดทะแมง รูปแบบนี้ เช่น การทำสร้อยข้อมือที่ทำจากเชือกเกลียวดีไซน์แปลก หรือกำไรข้อมือที่ทำจากหนังอ่อนนุ่ม หรือ กำไรทองเหลืองขัดเงา เป็นต้น ส่วนคอลเลกชั่นที่ 3 มีชื่อว่า Feminine Collection ออกแบบมาเอาใจผู้หญิงที่ชอบแต่งตัวแบบอ่อนหวาน คอลเลกชั่นนี้ ออกแบบโดยใช้ดอกไม้หลากสีสัน เน้นการประดับด้วยพลอยหรือหินสี แต่ก็ยังคงใช้ทองเหลืองหุ้มด้วยหนังสัตว์ มีการเพิ่มลวดลายพิมพ์หรือการฉลุลาย
“ในส่วนประเภทเครื่องประดับของ Fairy Tales ประกอบด้วย สร้อยคอ สร้อยข้อมือ กำไลข้อมือ และต่างหู ราคาเริ่มต้นที่ 400 บาท ไปจนถึงสูงสุด 6,000 บาท โดยราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 2,000 บาท ถึง 3,000 บาท ขึ้นอยู่กับแบบและวัสดุที่นำมาใช้ วัสดุที่นำมาใช้รวมกันในการออกแบบครั้งนี้ ประกอบไปด้วย โซ่ทอง ทองเหลือง ไม้ หนังสัตว์ มุก รวมไปถึงพลอยสี และคริสตัล หินสี ในหลายรูปแบบ อย่างไรก็ตาม ในทุกคอลเลกชั่นของเราจะเลือกใช้หนังสัตว์เป็นส่วนวัตถุดิบหลัก เพื่อบ่งบอกถึงเอกลักษณ์ของ Fairy Tales”
อินทิรา เล่าถึงแบรนด์ Fairy Tales ว่า เธอให้ความสำคัญกับการสร้างแบรนด์ค่อนข้างมาก ดังนั้น ในช่วงเริ่มต้นจึงให้ความสำคัญกับการเลือกวางตำแหน่งสินค้า ซึ่งจากจุดเริ่มต้นที่ได้ทดลองตลาด ด้วยการไปร่วมออกงานแสดงสินค้าที่ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ชิดลม ปรากฎว่า ได้รับการตอบรับจากลูกค้าในต่างประเทศค่อนข้างมากในงานนั้น ถือได้ว่ายอดขายมากกว่า 90% เป็นลูกค้าจากประเทศในแถบยุโรป และสหรัฐอเมริกา รวมถึง ญี่ปุ่นและฮ่องกง
ดังนั้น แผนการทำตลาดของเราจึงมุ่งเน้นไปที่ลูกค้าชาวต่างชาติเป็นหลัก ซึ่งช่องทางจำหน่ายใช้ 2 ช่องทางหลัก คือ การวางจำหน่ายในศูนย์การค้าที่มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ และโรงแรม ในส่วนของช่องทางขายในโรงแรม ไม่ได้คาดหวังเรื่องของยอดขาย แต่ต้องการให้สินค้าได้ผ่านสายตาลูกค้า เพราะที่ผ่านมาพบว่าลูกค้าส่วนใหญ่ไม่ได้ซื้อสินค้าในโรงแรม เพราะมองว่าราคาซื้อสูง แต่จะไปหาซื้อสินค้าข้างนอก แต่ถ้าลูกค้าได้เห็นของเราในโรงแรม โอกาสตัดสินใจซื้อข้างนอกก็มีโอกาสมากกว่า
ทั้งนี้ การทำตลาดในกลุ่มลูกค้าต่างประเทศ สำหรับสินค้าประเภทเครื่องประดับของคนไทยค่อนข้างได้รับการยอมรับในต่างประเทศ เพราะที่ผ่านมา สินค้าประเภทเครื่องประดับของไทยเป็นสินค้าคุณภาพดี เมื่อเทียบกับจีน ฮ่องกง หรือ ประเทศเพื่อนบ้าน ดังนั้นจึงไม่น่าเป็นเรื่องยากในการจะใช้สร้างแบรนด์ของเราในต่างประเทศ
นอกจากนี้ ในส่วนของแผนการตลาดจะใช้การออกงานแสดงสินค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ ล่าสุด จะไปร่วมออกงานจิวเวลรี่ ที่ประเทศฮ่องกง ส่วนร้านที่เปิดจำหน่ายในปัจจุบัน ได้แก่ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิล์ด และวิลล่ามาร์เก็ต ซอยอารี และโรงแรมตามหัวเมืองใหญ่ซึ่งมีแผนจะนำสินค้าไปวางให้ครบในจังหวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ
ในส่วนรูปแบบของเครื่องประดับจะมีการออกคอลเลคชั่นใหม่ทุก 3 ถึง 4 เดือน ในแต่ละแบบจะทำออกมาไม่เกิน 10 ชิ้น การออกแบบใหม่เพื่อให้ทันกับแฟชั่นที่เปลี่ยนไป เพราะในต่างประเทศแฟชั่นเครื่องแต่งกาย หรือ เครื่องประดับจะปรับเปลี่ยนเร็ว ต้องศึกษาและปรับเปลี่ยนให้ทันด้วย
โทร.08-9695-8800,0-2258-0413
