xs
xsm
sm
md
lg

เปิดช่องธุรกิจพิมพ์รูปลงมือถือ เกาะกระแส K-Pop เจาะวัยโจ๋

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


กระแส ‘เค-ป๊อป’ ในปัจจุบัน เอื้อให้ธุรกิจหลากหลายจากแดนกิมจิเกาะกระแสนิยมเข้ามาเปิดตลาดในไทย อย่างรายของ “COVER PLUS” เปิดตัวธุรกิจใหม่ พิมพ์รูปลงหน้ากากมือถือ ใช้จุดเด่นเทคโนโลยีทันสมัย เข้ากับกระแสแฟชั่น เจาะโดนใจตลาดวัยรุ่นไทย พร้อมเปิดช่องทางธุรกิจผู้สนใจมีทางเลือกลงทุน

เควิน ลี ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ซัมมี่ ซาวด์ เท็ค (ประเทศไทย) คอร์ป จำกัด เผยว่า บริษัทฯได้ร่วมธุรกิจกับบริษัท Joong Ang T&G จำกัด ประเทศเกาหลีใต้ นำเข้าเทคโนโลยีพิมพ์ภาพลงบนสิ่งของ แบรนด์ “COVER PLUS” เพื่อมาทำตลาดในประเทศไทย

**เติมสีสันใส่อุปกรณ์คู่ใจวัยรุ่น

คุณสมบัติของ “COVER PLUS” สามารถพิมพ์ภาพลงบนวัสดุใดๆ ก็ได้ที่มีลักษณะเนื้อแข็ง แบน และเรียบ ขนาดไม่เกินกระดาษ A3 เช่น กระดาษแข็ง แผ่นไม้ กระเบื้อง ฯลฯ โดยแผนการตลาดเน้นไปที่การพิมพ์ลงหน้ากากโทรศัพท์มือถือ และหน้ากากเกมคอมพิวเตอร์ Nintendo เอาใจกลุ่มเด็ก และวัยรุ่นที่อยากเพิ่มสีสัน โดยใส่รูปดาราขวัญใจ โดยเฉพาะดาราเกาหลี หรือตัวการ์ตูนต่างๆ ลงบนอุปกรณ์เครื่องเล่นคู่ใจของตัวเอง

จุดเด่นของโปรแกรม คือ ออกแบบหรือจัดวางรูปต่างๆ ได้ตามใจ โดยทำงานบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ ซึ่งโปรแกรมจะรองรับการพิมพ์ลงหน้ากากโทรศัพท์มือถือรุ่นยอดนิยม ยี่ห้อดัง ไว้ครบถ้วน รวมถึง น้ำหมึกเป็นนวัตกรรมใหม่ เมื่อพิมพ์ออกมาแล้ว ภาพจะคมชัด โดนน้ำไม่ลอก และติดทนนานกว่า 6 เดือน ซึ่งระยะเวลานี้ เชื่อว่า ลูกค้าวัยรุ่นจะพอใจอยากเปลี่ยนหน้ากากใหม่ เพราะพฤติกรรมวัยรุ่นทั่วโลกชอบเปลี่ยนรูปแบบใหม่เสมอๆ

**เปิดโอกาสธุรกิจ ลงทุน 2 ราคา

เควิน ลี อธิบายต่อว่า ในประเทศเกาหลี เครื่องนี้ได้รับความนิยมอย่างสูง เปิดให้บริการมาประมาณ 2 ปี มีกระจายอยู่กว่า 1,000 เครื่องทั่วประเทศ ส่วนการมาทำตลาดในประเทศไทยนั้น มีให้เลือกลงทุน 2 แบบ คือ 1. ลงทุน 400,000 บาท ได้รับเครื่องพิมพ์อิ้งค์เจ็ท รุ่น TP-2300 ทำงานได้ในพื้นที่กว้างขนาดกระดาษ A3 , หมึกพิมพ์ 1 ชุด ( 8 สี ขวดละ 75 ml สามารถพิมพ์ได้ประมาณ 2,200-2,250 ชิ้น ) และ 2. ลงทุนราคา 270,000 บาท ได้รับเครื่องพิมพ์อิ้งค์เจ็ท TP-2400 ทำงานได้ในพื้นที่กว้างขนาดกระดาษ A4 , หมึกพิมพ์ 1 ชุด ( 6 สี ขวดละ 50 ml สามารถพิมพ์ได้ประมาณ 600-650 ชิ้น )

การลงทุนทั้ง 2 ราคา จะได้รับโปรแกรมซอฟท์แวร์ หน้ากากพลาสติกโทรศัพท์มือถือ และหน้ากากเกมคอมพิวเตอร์ Nintendo รวม 500 ชิ้น ไฟล์ภาพ สมุดภาพ การฝึกอบรม และบริการหลังการงาน คือ อัพเดทโปรแกรมรองรับโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ๆ ฟรี และประกันเครื่อง 1 ปี เป็นต้น

**แนะสร้างธุรกิจตามแนวทางตัวเอง

เควิน ลี เผยว่า ผู้ลงทุนสามารถใช้ COVER PLUS ไปต่อยอดกับธุรกิจเดิม อย่างผู้เปิดร้านกิฟท์ชอป ร้านขายโทรศัพท์มือถือ ร้านขายเกม ร้านถ่ายรูป ฯลฯ อาจนำเครื่องนี้ไปเพิ่มสีสัน และเพิ่มรายได้ให้ร้านตามแนวคิดของตัวเอง เช่น บริการขายหน้ากากโทรศัพท์มือถือที่ลูกค้าเลือกแบบได้เอง ไม่ว่าจะเป็นรูปดารา รูปตัวเอง รูปตัวการ์ตูน เป็นต้น หรือใช้เครื่องนี้สร้างธุรกิจใหม่ เช่น รับจ้างผลิตสินค้าที่ระลึกแก่องค์กรต่างๆ เป็นต้น

ขั้นตอนทำงานนั้น ออกแบบที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ โดยเป็นโปรแกรมสำเร็จรูป เช่น เลือกรุ่นโทรศัพท์มือถือ เลือกรูป ซึ่งอาจเป็นรูปที่เก็บไว้ในคอมพิวเตอร์ หรือลูกค้าเซฟใส่แฟลชไดร์ฟมาเอง เมื่อออกแบบได้ตามต้องการแล้ว วางหน้ากากพลาสติกลงบนเครื่องพิมพ์ สั่งทำงานใช้เวลาพิมพ์ 3 - 4.5 นาที เป็นอันเสร็จสมบูรณ์

ต้นทุนทั้งค่าหน้ากากพลาสติก และค่าหมึกพิมพ์ รวมแล้วเฉลี่ยชิ้นละ 35-45 บาท ส่วนค่าบริการนั้น เควิน ลี เผยว่า ในเกาหลีอยู่ประมาณชิ้นละ 200-300 บาท ซึ่งในประเทศไทยแนะนำผู้จะทำธุรกิจว่า ราคาควรจะอยู่ในระดับใกล้เคียงกัน ซึ่งราคานี้ จะมีกำไรถึงร้อยละ 60-80 ถ้าขายได้ 30-50 ชิ้นต่อวัน จะคืนทุนใน 2 เดือน

กรณีหมึกหมด จะต้องสั่งซื้อจากบริษัทฯเท่านั้น ซึ่งนำเข้าจากประเทศเกาหลี ห้ามใช้หมึกพิมพ์ตามท้องตลาดแทนเด็ดขาด เพราะนอกจากคุณสมบัติจะต่างกันแล้ว จะทำให้เครื่องพิมพ์เสียหายด้วย โดยบริษัทฯ ขายหมึกพิมพ์ในราคา 1,800 บาทต่อ 100 ml (สามารถซื้อแยกสีได้) ส่วนหน้ากากพลาสติกชิ้นละ 30-120 บาท (แล้วแต่รุ่น)

**ลั่นไม่ได้เป็นแค่ธุรกิจแฟชั่น

เควิน ลี ระบุว่า ในส่วนของบริษัทซัมมี่ ซาวด์ เท็ค เป็นบริษัทจากเกาหลี ทำธุรกิจหลักผลิตอุปกรณ์ลำโพง โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานผลิตมานานกว่า 20 ปีแล้ว ส่วนเหตุที่มาร่วมธุรกิจกับ Joong Ang T&G เพราะเห็นว่า เทคโนโลยีนี้ มีความโดดเด่นได้รับความนิยมที่เกาหลีมาก เปิดตัวมากว่า 2 ปีแล้ว ยังไม่มีรายอื่นขึ้นมาแข่งขันได้ ประกอบกับเวลานี้ กระแสนิยมวัฒนธรรมเกาหลีในไทยสูงมาก จึงเชื่อว่า เป็นโอกาสเหมาะที่จะขยายธุรกิจในไทย โดยทั้ง 2 บริษัทจะแบ่งผลประโยชน์จากกำไรที่เกิดขึ้น

เขา เผยอีกว่า มั่นใจธุรกิจนี้จะไม่เป็นเพียงธุรกิจแฟชั่นแค่ตามกระแสเค-ป๊อป เพราะสิ่งสำคัญผู้ลงทุน สามารถนำ COVER PLUS ไปต่อยอด พลิกแพลง หรือออกแบบสินค้าอื่นๆ ตามแนวคิดทางธุรกิจตัวเอง ไม่จำเป็นต้องยึดขายตามรูปแบบเดิมๆ อย่างเดียว

ทั้งนี้ ในประเทศไทย เพิ่งเปิดตัวเมื่อต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา วางแผนการตลาดจะหาตัวแทนจำหน่ายตามพื้นที่สำคัญทั่วประเทศ เช่น ในกรุงเทพฯ เชียงใหม่ และภูเก็ต ตั้งเป้าว่า อีก 3 เดือนข้างหน้าจะมีกระจาย 100 เครื่องทั่วประเทศ และระยะยาวกระจายถึง 1,000 เครื่อง

***********************

โทร.02-758-2333-4 / 081-750-3074








กำลังโหลดความคิดเห็น