ย้อนรำลึกผ่านภาพถ่ายเก่าในอดีตเป็นหนทางหนึ่ง ที่ทำให้คนรุ่นใหม่ได้รับรู้เรื่องราวต่างๆที่ย้อนกลับไปในรุ่นที่พ่อแม่ยังเป็นหนุ่ม สาว และภาพถ่ายเก่าที่เกิดขึ้นในช่วงที่เมืองไทยเริ่มมีร้านถ่ายรูปที่มีเพียงสี ขาว ดำ และเทา นี่เองกลายเป็นเสน่ห์ให้ใครหลายคนต้องการจะได้ภาพถ่ายอย่างในอดีตที่มีตัวเองอยู่ในภาพด้วย
และความฝันของทุกคนเป็นจริงได้ เมื่อยังมีร้านถ่ายภาพเก่า ที่เกิดขึ้นมาเมื่อ 50 ปีที่แล้ว ยังคงเปิดให้บริการเหมือนในอดีตทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นกล้องที่อยู่คู่กับร้านมานานกว่า 50 ปี เทคนิคการล้างรูป ฟิล์มที่ใช้ กระดาษที่ใช้ทุกอย่างยังเหมือนเดิม แม้แต่ช่างถ่ายภาพเจ้าของร้าน อย่างนางหงึ่งหงษ์ แซ่เอี๊ยบ อายุ 78
นางหงึ่งหงษ์ เล่าว่า สามี คือ นายเต็กเม้ง แซ่จัง ได้เปิดร้านศิลป์ธรรมชาติแห่งนี้ เมื่อปี พ.ศ. 2493 ที่ตลาดอำเภอสามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งเป็นร้านถ่ายภาพร้านที่ 2 ในตลาดสามชุกขณะนั้น ก่อนหน้านี้ได้เลือกสถานที่เปิดร้านอยู่หลายแห่ง และที่เลือกเปิดร้านที่นี่ เพราะถูกใจแม่น้ำท่าจีน ตลาดอยู่ติดกับแม่น้ำ ที่สำคัญคือ คนสามชุกอัธยาศัยดีมาก อยู่แล้วน่าจะมีความสุข เมื่อแต่งงานแล้วสามีจึงชวนมาเปิดร้านที่นี่
โดยสมัยนั้น ใช้เทคนิคการถ่ายภาพด้วยการใช้แสงแดดถ่าย เพราะยังไม่มีแสงไฟจากแฟลชเหมือนในปัจจุบัน จึงใช้วิธีทำหลังคาแบบเปิดให้แสงผ่านเข้ามาได้ เมื่อต้องการใช้แสงในการถ่ายภาพ ในตอนนั้นลูกค้ามีจำนวนมาก เพราะตลาดสามชุกเป็นศูนย์กลางให้คนที่เดินทางไปกรุงเทพฯหรือ เดินทางไปไหนก็จะต้องมาลงเรือที่นี่ แต่เมื่อมีถนนเข้ามาผู้คนหันไปใช้รถ เรือที่ให้บริการอยู่ก็ต้องเลิกกิจการไป ในช่วงนั้นตลาดเงียบเหงามาก หลายๆร้านต้องปิด
ในส่วนของร้านถ่ายรูปที่ตลาดสามชุก ซึ่งเปิดอยู่ด้วยกันทั้งหมด 5 ร้าน พอเริ่มมีการถ่ายภาพแบบดิจิตอล ก็ปรับร้านใหม่เป็นร้านถ่ายรูปแบบดิจิตอล ซึ่งเหลือร้านศิลป์ธรรมชาติที่ยังคงอนุรักษ์การถ่ายภาพแบบดังเดิมทุกอย่างจะมีการเปลี่ยนบ้างเพียงเพิ่มการถ่ายภาพแบบสีเข้ามาเท่านั้น เพื่อเป็นทางเลือกให้กับลูกค้า
หลังจากที่มีการโปรโมตตลาด 100 ปีสามชุก เพื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยวให้นักท่องเที่ยวได้มาเยี่ยมชมเพื่อย้อนรำลึกถึงภาพเก่าในอดีต ตั้งแต่ ปี 2547 จนถึงปัจจุบัน ร้านศิลป์ธรรมชาติกลายเป็นหนึ่งในสถานที่ที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจเพื่อมาถ่ายภาพเก็บเป็นที่ระลึก และหลายคนที่เป็นคนรุ่นใหม่ต้องการจะมาดูว่าการถ่ายภาพด้วยกล้องในอดีตเป็นอย่างไร ป้าเจ้าของร้านพร้อมที่ให้ทุกคนได้เข้ามาเยี่ยมชม โดยไม่ได้ปิดบัง
นางหงึ่งหงษ์ เล่าว่า ปัญหาของที่ร้านในปัจจุบัน ไม่ใช่เรื่องของลูกค้าที่ลดน้อยลงเหมือนในอดีต แต่ลูกค้ากลับเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ซึ่งปัญหาของเราอยู่ที่ฟิล์ม และกระดาษที่ใช้ ปัจจุบันเลิกผลิตกันไปหมดแล้วเพราะหันมาใช้ระบบดิจิตอล จะเหลือผู้ผลิตเพียงรายเดียว ซึ่งต้องนำเข้าจากต่างประเทศ และที่สำคัญราคาแพงมาก และดูเหมือนว่าราคาจะเพิ่มขึ้นทุกปี โดยฟิล์ม กระดาษ และน้ำยาจะนำเข้าจากประเทศฮังการี และเริ่มหายากเพราะผลิตจำนวนน้อยมาก ทางร้านก็ใช้วิธีการกักตุนเอาไว้จำนวนมาก
ทั้งนี้ ในส่วนของกระดาษ และน้ำยา ไม่สามารถที่จะใช้กระดาษและน้ำยาที่ใช้กับการถ่ายภาพสี หรือ ดิจิตอลได้ จะต้องใช้กระดาษ หรือน้ำยาเฉพาะกับฟิล์มขาวดำที่ใช้ และเนื่องจากทุกขั้นตอนจะใช้เทคนิคเดิม รวมถึงขั้นตอนการล้าง อัด ดังนั้น ลูกค้าจะต้องรอซึ่งทางร้านจะส่งรูปตามกลับไปให้ใช้เวลาประมาณ 1 เดือน ที่ใช้ต้องใช้เวลานานเพราะด้วยขั้นตอนที่ต้องใช้เวลา และจำนวนลูกค้าที่เพิ่มขึ้น จากเดิมทางร้านจะใช้เวลาประมาณ 1
สำหรับราคาขนาดรูปทั่วไป ราคา 350 บาท ได้รูป 2 รูป คือ ขาวดำ 1 รูป และซีเปีย หรือสีเทา 1 รูป ถ้าขนาด 8x12 นิ้ว ราคา 800 บาท ขนาด 10x12 นิ้ว ราคา 1,000 บาท 12x16 ราคา 1,500 บาท และขนาด 24 นิ้วขึ้นไป ราคา 2,500 บาท ราคานี้เป็นราคาใหม่ที่ทางร้านได้มีการปรับขึ้นเมื่อต้นปี 2551 ที่ผ่านมา เพราะราคาต้นทุน ฟิล์ม กระดาษ และน้ำยาที่เพิ่มขึ้น
การถ่ายภาพของทางร้านจะมีชุดให้เลือกส่วนใหญ่จะเป็นชุดแบบโบราณ และมีการจัดฉากให้ตามแบบการถ่ายภาพโบราณ และเนื่องจากเป็นการถ่ายภาพขาวดำดังนั้นจึงไม่ต้องแต่งหน้า กลุ่มลูกค้าของที่ร้านในปัจจุบันเกือบ 100% เป็นนักท่องเที่ยว การถ่ายรูปติดบัตร หรือ ถ่ายรูปทั่วไปมีฟิล์มสีไว้บริการ แต่ลูกค้ามีไม่มาก ส่วนใหญ่หันไปถ่ายรูปในระบบดิจิตอลแทน ป้าทิ้งท้ายไว้ว่าแม้จะทำไม่ไหวและไม่ได้ทำด้วยตัวเอง แต่ก็ยังคงให้ลูกที่มารับช่วงต่อได้อนุรักษ์รูปแบบการถ่ายภาพแบบดังเดิมอย่างนี้ต่อไป
สนใจโทร. 035-571-019