xs
xsm
sm
md
lg

NARIT เผยภาพดาวหาง C/2025 K1 (ATLAS) ที่แตกเป็น 3 ชิ้นอย่างชัดเจน จากกล้องโทรทรรศน์แห่งชาติ 2.4 ม. ดอยอินทนนท์ จ.เชียงใหม่

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ NARIT เผยภาพ “ดาวหางแอตลัส C/2025 K1 (ATLAS)” ที่ได้ถูกบันทึกโดย กล้องโทรทรรศน์แห่งชาติ ขนาด 2.4 เมตร ณ หอดูดาวเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา หรือ หอดูดาวแห่งชาติ ที่ตั้งอยู่บนดอยอินทนนท์ จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2568 (ซ้าย) และ 22 พฤศจิกายน 2568 (ขวา) ในภาพแสดงให้เห็นนิวเคลียสของดาวหางที่แตกออกเป็น 3 ส่วนได้อย่างชัดเจน นอกจากนี้ ยังสังเกตเห็นว่านิวเคลียสของดาวหางที่แตกออกมาขวาสุดมีความสว่างลดลงตามลำดับ


ดาวหางแอตลัส (C/2025 K1 (ATLAS) ถูกค้นพบเมื่อเดือนพฤษภาคม 2568 โดยเครือข่ายกล้องโทรทรรศน์ ATLAS (Asteroid Terrestrial-impact Last Alert System) โคจรเข้าใกล้ดวงอาทิตย์เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2568 การเข้าใกล้ดวงอาทิตย์ได้สร้างความเสียหายอย่างรุนแรงต่อโครงสร้างของนิวเคลียสดาวหาง นำมาสู่การแตกสลายของนิวเคลียสในที่สุด ในคืนวันที่ 11 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา

ด้านประเทศไทยได้ใช้กล้องโทรทรรศน์แห่งชาติ ขนาด 2.4 เมตร ร่วมบันทึกภาพดาวหางในคืนวันที่ 21 พฤศจิกายน 2568 (ซ้าย) และ 22 พฤศจิกายน 2568 (ขวา) เมื่อนำภาพมาเปรียบเทียบกันจะเห็นได้ว่า นิวเคลียสของดาวหางที่แตกออกมาทางขวาสุดมีความสว่างลดลงตามลำดับ

ขณะนี้ดาวหางมีค่าความสว่างปรากฏประมาณ 10.2 ไม่สามารถสังเกตเห็นได้ด้วยตาเปล่า และแม้ในวันพรุ่งนี้ (25 พฤศจิกายน 2568) จะเป็นวันที่ดาวหางโคจรเข้าใกล้โลกที่สุด ค่าความสว่างปรากฏของดาวหางก็จะไม่สว่างไปมากกว่านี้เท่าไรนัก เนื่องจากดาวหางปลดปล่อยฝุ่นและแก๊สออกมาน้อย ทำให้มีความสว่างค่อนข้างน้อย รวมถึงการที่ดาวหางแตกตัวออกเช่นนี้ ก็ยิ่งเป็นไปได้ยากมากที่ความสว่างจะเพิ่มขึ้นได้อีก


นักดาราศาสตร์คาดว่าดาวหางแอตลัส (C/2025 K1 (ATLAS)) มีต้นกำเนิดมาจากแถบไคเปอร์ (Kuiper belt) ที่อยู่ถัดจากวงโคจรของดาวเนปจูน และอาจสลายตัวไประหว่างการเดินทางเข้าสู่ระบบสุริยะชั้นในครั้งแรก ดังนั้น ดาวหางจึงเปรียบเสมือน “แคปซูลเวลา” ซึ่งการวิเคราะห์องค์ประกอบทางเคมีของดาวหาง อาจช่วยให้นักดาราศาสตร์เข้าใจองค์ประกอบของเนบิวลาสุริยะ (Solar nebula) ที่ก่อให้เกิดระบบสุริยะที่เรารู้จักในปัจจุบัน

สำหรับ กล้องโทรทรรศน์แห่งชาติ (Thai National Telescope: TNT) ณ หอดูดาวเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา หรือหอดูดาวแห่งชาติ ที่ใช้บันทึกภาพดาวหาง C/2025 K1 (ATLAS) ดังกล่าว ตั้งอยู่บนดอยอินทนนท์ จังหวัดเชียงใหม่ เป็นกล้องโทรทรรศน์สะท้อนแสงแบบริชชี-เครเทียน (Rithchey-Chretien) ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางกระจก 2.4 เมตร ใหญ่และทันสมัยที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อศึกษาวิจัยดาราศาสตร์ มีนักวิจัยจำนวนมากจากทั่วโลกเข้ามาเก็บข้อมูลศึกษาวิจัยไม่น้อยกว่า 200 คืนต่อปี และยังจัดกิจกรรมพิเศษให้ประชาชนทั่วไป ได้เข้าเยี่ยมชมในกิจกรรม “TNO Open House: เปิดบ้านหอดูดาวแห่งชาติ” ที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกช่วงต้นปี


กำลังโหลดความคิดเห็น