xs
xsm
sm
md
lg

สวทช. ร่วมมือ มูลนิธิ SOS ขยายผล “ชุมชนรักษ์อาหาร” สู่ จ.นครสวรรค์ ยกระดับการจัดการอาหารส่วนเกินด้วยวิทยาศาสตร์ ลดปัญหาสิ่งแวดล้อม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ด้วยปัญหาขยะอาหารที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และปัญหาความไม่มั่นคงทางอาหารของประชากรกลุ่มเปราะบาง สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ได้ร่วมกับ มูลนิธิสโกลารส์ ออฟ ซัสทีแนนซ์ (SOS) และภาคีเครือข่าย ทั้งหน่วยงานรัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม ดำเนินงานโครงการขยายผลแนวทางการบริหารจัดการอาหารส่วนเกินเพื่อลดปริมาณขยะอาหารและเพิ่มความมั่นคงทางอาหาร ซึ่งมีเป้าหมายในการขยายผลโครงการใน 8 จังหวัดทั่วประเทศในปี 2568 โดย จังหวัดนครสวรรค์เป็นหนึ่งในจังหวัดนำร่องที่สำคัญ ซึ่งการขับเคลื่อนโครงการอย่างเป็นรูปธรรมในพื้นที่นครสวรรค์ เริ่มต้นด้วยการจัดการประชุมกลุ่มย่อย (Focus Group) ร่วมกับเครือข่ายตัวกลางและผู้รับอาหาร โดยมี คุณสิริธร พวงสมบัติ นักพัฒนาสังคมชำนาญการพิเศษ หัวหน้าฝ่ายบริหารทั่วไป เป็นผู้แทนสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดนครสวรรค์ กล่าวต้อนรับ โดยมีอาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (อพม.) จาก 15 อำเภอของ จ.นครสวรรค์ ผู้แทนจากโรงเรียน วัด และเครือข่ายจิตอาสาในพื้นที่เข้าร่วมหารืออย่างพร้อมเพรียงกว่า 70 คน เพื่อสร้างแนวทางการดำเนินงานที่ยั่งยืนและเชิญชวนเข้าร่วมโครงการ “ชุมชนรักษ์อาหาร” พร้อมกันนี้ยังเปิดเวทีรับสมัครอาสาสมัครรักษ์อาหารในพื้นที่กับมูลนิธิ SOS เพื่อขยายเครือข่ายตัวกลางให้ครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมดใน จ.นครสวรรค์ ด้วย

ดร.วรรณพ วิเศษสงวน
ดร.วรรณพ วิเศษสงวน ที่ปรึกษาโครงการ กล่าวว่า “โครงการขยายผลแนวทางการบริหารจัดการอาหารส่วนเกินเพื่อลดปริมาณขยะอาหารและเพิ่มความมั่นคงอาหาร” มีความมุ่งมั่นที่จะนำองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของ สวทช. มาประยุกต์ใช้เพื่อแก้ไขปัญหาสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นรูปธรรม การประชุมครั้งนี้นับเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการร่วมกันสร้างระบบนิเวศการจัดการอาหารที่เข้มแข็งในจังหวัดนครสวรรค์ ซึ่งในงานได้เชิญอาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (อพม.) และเครือข่ายจิตอาสาในพื้นที่ เข้าร่วมหารือและเรียนรู้ขั้นตอนการเป็น “อาสาสมัครรักษ์อาหาร” ซึ่งถือเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนโครงการ Local food rescue (ชุมชนรักษ์อาหาร) เพราะเป็นตัวกลางผู้เชื่อมระหว่างผู้ให้อาหารและผู้รับอาหาร ฉะนั้น การมีเครือข่ายอาสาสมัครที่แข็งแกร่งจะช่วยให้การส่งต่ออาหารเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและตรงเป้าหมายที่สุด รวมถึงในงานยังมีตัวแทนอาสาสมัครผู้มีประสบการณ์มาร่วมแบ่งปันเรื่องราวและสร้างแรงบันดาลใจ เพื่อมาช่วยกันแก้ปัญหาการเกิดขยะอาหารและการสูญเสียอาหารซึ่งส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และแก้ไขปัญหาความไม่มั่นคงทางอาหารของประชากรกลุ่มเปราะบางหรือผู้มีรายได้น้อยในพื้นที่


ดร.ปัทมาพร ประชุมรัตน์ นักวิจัยนโยบายอาวุโส และหัวหน้าโครงการจาก สวทช. กล่าวว่า สวทช. ได้ดำเนินโครงการจัดตั้งธนาคารอาหารของประเทศไทย (Thailand's Food Bank) เพื่อแก้ไขปัญหาอย่างครบวงจรในการขยายผลและประยุกต์ใช้แนวทางบริหารจัดการอาหารส่วนเกิน (Food surplus) ของประเทศไทยในพื้นที่ต่างๆ ซึ่งอาหารส่วนเกินที่ยังคงคุณภาพดีจะถูกนำมาบริหารจัดการและส่งต่อให้กับกลุ่มคนเปราะบางหรือผู้ขาดแคลนในสังคม เช่น ผู้มีรายได้น้อย ผู้สูงอายุ หรือผู้ป่วยติดเตียง ซึ่งเป็นการสร้างระบบที่เชื่อมโยงระหว่างผู้บริจาค เช่น โรงแรม ร้านอาหาร และซูเปอร์มาร์เก็ต กับผู้รับ ได้อย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ ซึ่ง สวทช. ไม่ได้ทำหน้าที่เพียงแค่บริหารจัดการโครงการ แต่ใช้เทคโนโลยีและงานวิจัยจากศูนย์วิจัยแห่งชาติในสังกัด เพื่อสร้างระบบนิเวศการจัดการอาหารที่มีประสิทธิภาพ ความปลอดภัย และยั่งยืนในระยะยาว ได้แก่ ไบโอเทค กับงานวิจัยเพื่อสร้างมาตรฐานและแนวปฏิบัติที่เหมาะสมในการรักษาความปลอดภัยและสุขอนามัยของกระบวนการบริจาคอาหารส่วนเกิน เนคเทคกับการพัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัลเพื่อเป็นเครื่องมือในการบริหารจัดการและจับคู่ (Matching) ระหว่างผู้ให้และผู้รับอาหาร และเป็นแพลตฟอร์มกลางสำหรับบันทึกข้อมูลการบริจาคอาหาร รวมทั้งเอ็มเทคกับการศึกษาและจัดทำฐานข้อมูลคาร์บอนฟุตพรินต์ของอาหารที่ได้รับการจัดการอย่างถูกต้อง ซึ่งมีส่วนช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและสนับสนุนมาตรการด้านสิ่งแวดล้อมของประเทศ


โอกาสนี้ คุณอุทัยวรรณ พึ่งทอง ประธานเครือข่ายศูนย์การดำรงชีวิตอิสระคนพิการ อ.ตาคลี และ คุณนพนันต์ ทับทิม ประธาน อพม. เขตเทศบาลนครสวรรค์ ได้ร่วมแบ่งปันประสบการณ์การเป็นอาสาสมัครรักษ์อาหารที่ผ่านมา เพื่อให้ผู้เข้าร่วมประชุมเห็นภาพการทำงานจริงและเข้าใจถึงคุณค่าของการเป็นส่วนหนึ่งในภารกิจนี้ รวมถึงคุณณัฐพล เกษมราษฎร์ เจ้าหน้าที่จากมูลนิธิ SOS ยังได้อธิบายขั้นตอนการเข้าร่วมเป็น “อาสาสมัครรักษ์อาหาร” ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่การรับสมัคร การฝึกอบรม จนถึงการปฏิบัติงานจริงในพื้นที่ โดยยึดหลักการทำงานที่โปร่งใส ตรวจสอบได้ เพื่อให้มั่นใจว่าอาหารที่ได้รับบริจาคมีคุณภาพดีและปลอดภัย


“การเลือกจังหวัดนครสวรรค์เป็นพื้นที่นำร่องมาจากศักยภาพด้านเครือข่ายที่เข้มแข็ง และความพร้อมของพื้นที่ที่มีลักษณะเป็นเมืองศูนย์กลางทางภาคเหนือตอนล่าง ซึ่งเหมาะสมในการเป็นต้นแบบสำหรับการทดลองและพัฒนาระบบต่าง ๆ โดยข้อมูลและบทเรียนที่ได้จากนครสวรรค์จะถูกนำไปเป็นโมเดล เพื่อปรับใช้และขยายผลไปยังอีกจังหวัดเป้าหมายที่เหลือได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืนยิ่งขึ้นในอนาคต ซึ่งการประชุมครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการสร้างเครือข่ายที่แข็งแกร่งเพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาขยะอาหารและสร้างความมั่นคงทางอาหารอย่างยั่งยืนในพื้นที่จังหวัดนครสวรรค์ ซึ่งจะเป็นแรงบันดาลใจให้กับจังหวัดอื่น ๆ ต่อไป”  .... ดร.ปัทมาพร หัวหน้าโครงการ กล่าวปิดท้าย


พร้อมกันนี้ช่วงเวลาเดียวกัน ในโอกาสได้มาเปิดเวทีขยายผลยังจังหวัดนครสวรรค์ คณะผู้วิจัยจาก สวทช. และเครือข่ายมูลนิธิ SOS ได้เข้าร่วมมอบไก่ทอด 300 ชุดและขนมสาคูเปียกข้าวโพด 300 ชุด ภายใต้โครงการน้ำพระทัยพระราชทานส่วนภูมิภาคฯ ที่ทางจังหวัดจัดงานขึ้น ณ โรงเรียนนครสวรรค์ปัญญานุกูล ซึ่งอาหารดังกล่าวได้มาจากโครงการกอบกู้อาหารส่วนเกินในพื้นที่ จ.นครสวรรค์


กำลังโหลดความคิดเห็น