xs
xsm
sm
md
lg

สทน. ขยายห้องตรวจวิเคราะห์การปนเปื้อนโลหะหนักในอาหาร พร้อมให้บริการวิเคราะห์ธาตุครบวงจร

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



รศ.ดร.ธวัชชัย อ่อนจันทร์ ผู้อำนวยการสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ สทน. เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การปนเปื้อนโลหะหนักในอาหารเป็นปัญหาที่น่ากังวลและมีผลกระทบต่อสุขภาพของมนุษย์ ซึ่งโลหะหนักเหล่านี้สามารถเข้าสู่ร่างกายผ่านการบริโภคอาหารที่ปนเปื้อน เช่น พืชผักที่ปลูกในดินที่มีโลหะหนัก หรืออาหารทะเลที่ปนเปื้อนจากน้ำเสีย การปนเปื้อนโลหะหนักในอาหารสามารถนำไปสู่ปัญหาสุขภาพต่าง ๆ ทั้งแบบเฉียบพลันและเรื้อรังได้ การตรวจสอบสารปนเปื้อนโลหะหนักจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง ทั้งในแง่ของ ความปลอดภัยด้านอาหารและสุขภาพของผู้บริโภคอีกทั้งเป็นเงื่อนไขในการนำเข้าและการส่งออกสินค้า เพราะหากตรวจพบโละหนักเกินค่ามาตรฐานที่กำหนด สินค้าอาจถูกตีกลับทำให้สูญเสียรายได้และความน่าเชื่อถือของประเทศ แม้ในประเทศไทยจะมีห้องปฏิบัติการทั้งในส่วนของภาครัฐและภาคเอกชน ที่ให้บริการด้านการตรวจวิเคราะห์การปนเปื้อนโลหะหนักในอาหารนำเข้าและอาหารส่งออกมากกว่า 200 แห่ง แต่ในทางปฏิบัติก็ยังมีข้อจำกัดในการเข้าถึงการบริการ คือ ในช่วงที่มีปริมาณสินนำเข้าสินค้าส่งออกมาก อาจจะต้องรอคิวนาน อีกทั้งค่าใช้จ่ายในการตรวจวิเคราะห์ตัวอย่างราคาค่อนข้างสูง และห้องปฏิบัติการส่วนใหญ่ตั้งอยู่ภายในตัวเมืองใหญ่ ทำให้ผู้ผลิตรายเล็กหรือกลุ่มเกษตรกรไม่สามารถเข้าถึงบริการได้ สทน. จึงได้ขยายการดำเนินงานของห้องปฏิบัติการตรวจวัดสารปนเปื้อนที่มีในอาหารส่งออกและนำเข้า ให้สามารถตรวจวิเคราะห์โลหะหนักที่ปนเปื้อนในอาหารได้

นางสาว นิชธิมา รุ่งปิ่น นักวิทยาศาสตร์นิวเคลียร์ชำนาญการ ศูนย์บริการเทคโนโลยีนิวเคลียร์ สทน.กล่าวว่า จากประกาศของกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง มาตรฐานอาหารที่มีสารปนเปื้อน กำหนดให้มีการตรวจปริมาณสูงสุดของโลหะหนักที่ปนเปื้อนในอาหารนำเข้าและส่งออก ได้แก่ แคดเมียม ตะกั่ว ดีบุก ปรอท สารหนู สทน. จึงได้ขยายขอบข่ายการดำเนินงานของห้องปฏิบัติการตรวจวัดสารปนเปื้อนที่มีในอาหารส่งออก-นำเข้า ศูนย์บริการเทคโนโลยีนิวเคลียร์จากเดิมที่ให้บริการตรวจวิเคราะห์เฉพาะสารกัมมันตภาพรังสีที่ปนเปื้อนในอาหาร โดยขยายขอบเขตการตรวจวิเคราะห์โลหะหนักที่ปนเปื้อนในอาหารเพิ่มขึ้น โดยได้รับเงินสนับสนุนการจัดซื้อเครื่อง Inductively Coupled Plasma Mass Spectrometer (ICP-MS) และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง มูลค่ากว่า 45 ล้านบาท จากสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ทำให้ห้องปฏิบัติการของ สทน. สามารถตรวจวิเคราะห์โลหะหนัก แคดเมียม ตะกั่ว ดีบุก ปรอท และสารหนู ที่ปนเปื้อนในอาหารได้ ตั้งเป้าให้บริการแก่ผู้ประกอบการ 3 กลุ่ม คือ กลุ่มเกษตรกร ผู้ประกอบการแปรรูปอาหาร และกลุ่มห้องปฏิบัติการภาคเอกชนที่ไม่สามารถตรวจวิเคราะห์สารกัมมันตภาพรังสีได้

สำหรับเกษตรกรที่อยู่ในต่างจังหวัดสามารถเข้าถึงบริการตรวจวิเคราะห์นี้ได้โดยผ่านโครงการถ่ายทอดเทคโนโลยีการสร้างมูลค่าให้อาหารพื้นถิ่นและอาหารฟังชันด้วยการฉายรังสี ที่ทางห้องปฏิบัติการฯ ได้ร่วมมือกับฝ่ายถ่ายทอดเทคโนโลยีของ สทน. ลงไปพบปะให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการรายย่อยและเกษตรกร โดยสามารถส่งตัวอย่างอาหารที่ต้องการให้ตรวจวิเคราะห์ผ่านทางโครงการ หรือกรอกใบคำขอตรวจสอบสารปนเปื้อนผ่านระบบ e-service โดยเข้าผ่านหน้าเว็บไซต์ของ สทน. แล้วส่งตัวอย่างมาที่ สทน. ระยะเวลาในการตรวจสอบถ้าเป็นโลหะหนัก ใช้เวลาประมาณ 15 วันทำการ สทน. จะส่งผลวิเคราะห์ให้ผู้ประกอบการทาง e-mail

สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเป็นราคามาตรฐานของส่วนราชการ ธาตุกัมมันตภาพรังสีที่ให้บริการตรวจวิเคราะห์ ได้แก่ ธาตุกลุ่มอัลฟา ได้แก่ ยูเรเนียม-235 ยูเรเนียม-238 อะเมริเซียม-241 พลูโตเนียม-238 พลูโตเนียม-239 และพลูโตเนียม-247 นอกจากที่กล่าวมาแล้ว ปัจจุบัน สทน. กำลังพัฒนาวิธีตรวจวิเคราะห์หายาฆ่าแมลงในข้าวเพื่อตรวจสอบสารพิษจากเชื้อราในข้าว และในพืชตระกูลถั่ว มีหลายวิธีในการกำจัดส่วนประกอบที่เป็นพิษเหล่านี้ออกจากสารตั้งต้นที่แตกต่างกัน (การตกตะกอนทางเคมี, การฟอกด้วยไฟฟ้า, การจับตัวเป็นก้อนและการตกตะกอน, การกำจัดด้วยการเร่งปฏิกิริยาด้วยแสง, และกระบวนการที่ใช้การดูดซับ) แต่ขั้นตอนส่วนใหญ่มีราคาแพงและดำเนินการได้ยาก

ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีการวิจัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับการพัฒนาวิธีการที่มีต้นทุนต่ำในอาหาร งานนี้เป็นการทบทวนการมีอยู่ของโลหะหนักในสารตั้งต้นอาหารที่แตกต่างกัน (เช่น ผลไม้ ผัก นม ผลิตภัณฑ์จากนม เนื้อสัตว์ อนุพันธ์จากเนื้อสัตว์ น้ำมัน และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์) และให้ภาพรวมของสถานการณ์ปัจจุบันทั่วโลก โดยคำนึงถึงข้อเท็จจริงที่ว่าความเสี่ยงต่อสุขภาพของมนุษย์เกิดจากการขยายตัวของอุตสาหกรรมและระดับมลพิษที่สูง เมื่อพิจารณาว่าคุณภาพทางพิษวิทยาของอาหารส่งผลต่อการยอมรับ งานนี้ให้ข้อมูลที่มีคุณค่าเกี่ยวกับสถานการณ์จริงในหัวข้อที่เสนอ














กำลังโหลดความคิดเห็น