ใครที่ชื่นชอบศึกษาเรื่องราวดาราศาสตร์ก็คงจะได้รู้กันว่า ในอนาคตพันกว่าล้านปีข้างหน้ากาแล็กซีทางช้างเผือกอันเป็นที่ตั้งของระบบสุริยะของเรา จะต้องโคจรชนกับกาแล็กซีแอนโดรเมดา (M31) และจะหลอมรวมเป็นกาแล็กซีใหม่ในชื่อ “มิลโกเมดา” (Milky Way + Andromeda = Milkomeda)
แต่ด้วยอวกาศนั้นมีความกว้างใหญ่และมีวัตถุที่หลากหลายให้นักวทิยาศาสตร์ได้ศึกษาเสมอ ทำให้การศึกษาการชนกันของ 2 กาแล็กซีในอนาคตได้พบข้อมูลใหม่ๆ โดยการศึกษาล่าสุดจากข้อมูลสำรวจของ กล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิล ขององค์การนาซา (NASA) และ กล้องโทรทรรศน์อวกาศไกอา ขององค์การอวกาศยุโรป (ESA) พบว่า เปอร์เซ็นต์ที่กาแล็กซีทั้ง 2 จะมีโอกาสชนกันและรวมกันไม่มากอย่างที่เคยคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้
การศึกษาในครั้งนี้ ทำโดยคณะนักวิทยาศาสตร์ โดยมี ดร. ทิลล์ ซาวาลา (Dr. Till Sawala) นักดาราศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเฮลซิงกิ ฟินแลนด์ เป็นหัวหน้า ร่วมกับนักดาราศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเดอร์แรม สหราชอาณาจักร , มหาวิทยาลัยตูลูส ฝรั่งเศส และ มหาวิทยาลัยเวสเทิร์น ออสเตรเลีย ที่ได้สร้างแบบจำลองด้วยคอมพิวเตอร์จำลองสถานการณ์การเคลื่อนที่ของกาแล็กซี และวิเคราะห์ปัจจัยต่างๆ รวมถึงอิทธิพลของแรงโน้มถ่วงของกาแล็กซีอื่นๆ เนื่องจากพื้นที่รอบๆ กาแล็กซีทั้งสอง ยังประกอบด้วยกาแล็กซีขนาดเล็กกว่าประมาณ 100 แห่ง ซึ่งมีทิศทาง ระยะทาง และความเร็วที่แตกต่างกัน
การศึกษาพบว่า มีโอกาสเพียง 50% ที่ทางช้างเผือกจะรวมเข้ากับกาแล็กซีแอนโดรเมดา และมีโอกาสประมาณ 2% ที่จะชนกันแบบประสานงาในอนาคตข้างหน้า โดยผลมาจากอิทธิพลของกาแล็กซีที่อยู่ข้างเคียงดาราจักร อย่างกาแล็กซีเอ็ม 33 และกาแล็กซีเมฆมาเจลันใหญ่ โดยเฉพาะผลจากกาแล็กซีเมฆมาเจลันใหญ่ แม้จะมีขนาดเล็กกว่ากาแล็กซีทั้ง 2 แต่มีแรงดึงดูดมหาศาลที่ส่งผลต่อเส้นทางของกาแล็กซีแอนโดรเมดาและทางช้างเผือก และมีส่วนช่วยดึงทางช้างเผือกให้พ้นจากวิถีการชนเล็กน้อย ทำให้อนาคตข้างหน้าอาจจะไม่ได้มีกาแล็กซีใหม่ในชื่อ “มิลโกเมดา” ตามที่เคยได้คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้
ข้อมูล - รูปอ้างอิง
- Thaiastro.nectec.or.th : สมาคมดาราสาตร์ไทย
- science.nasa.go (Milky Way and Andromeda encounters)
- techexplorist.com (Milky Way may not collide with Andromeda)