xs
xsm
sm
md
lg

NARIT เผย พายุสนามแม่เหล็กโลกระดับ G3 - G4 เมื่อ 1 มิถุนายน ที่ผ่านมา ไม่พบรายงานการเกิดผลกระทบกับประเทศไทย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ NARIT เผย ไม่พบรายงานการเกิดผลกระทบกับประเทศไทย หลังจากเกิดพายุสนามแม่เหล็กโลกระดับ G3 - G4 เมื่อ 1 มิถุนายน 2025 ที่ผ่านมา จากข้อมูลของ National Oceanic and Atmospheric Administration (NOAA) ที่ได้ตรวจพบการปลดปล่อยมวลสารโคโรนาของดวงอาทิตย์ (Coronal Mass Ejections: CMEs) ที่เดินทางมาถึงโลกเมื่อเวลาประมาณ 12 : 23 น. ตามเวลาประเทศไทย ส่งผลให้เกิดพายุแม่เหล็กโลก (Geomagnetic storm) ที่ระดับความรุนแรง G3 และ G4 ทั้งนี้ ไม่มีรายงานการเกิดอันตรายและความเสียหายใดๆ บนภาคพื้นโลก เพียงแต่เกิดปรากฏการณ์แสงออโรรา (แสงเหนือ-แสงใต้) ที่เข้มข้นและแผ่กระจายเป็นวงกว้างมากขึ้น โดย พายุสนามแม่เหล็กโลกจะทำให้เกิดผลกระทบ ดังนี้

1. แสงออโรราที่ปรากฏสว่างชัดเจน (เฉพาะพื้นที่ละติจูดสูง-ใกล้ขั้วโลก)
สนามแม่เหล็กโลกจะเบี่ยงให้อนุภาคมีประจุไฟฟ้าจากดวงอาทิตย์เหล่านี้ลงมาสู่บรรยากาศโลกบริเวณใกล้ขั้วโลก เมื่ออนุภาคมีประจุดังกล่าวชนเข้ากับอนุภาคแก๊สในบรรยากาศชั้นบนของโลก อนุภาคแก๊สจะปล่อยพลังงานในรูปของแสง เกิดเป็นแสงเหนือ-แสงใต้ (Aurora) ที่ปรากฏชัดเจนเหนือประเทศแถบละติจูดสูง หรือใกล้ขั้วโลก

2.ความเสี่ยงต่อระบบส่งไฟฟ้า และไฟดับเป็นบริเวณกว้าง (เฉพาะพื้นที่ละติจูดสูง-ใกล้ขั้วโลก) ฝูงอนุภาคมีประจุใน CMEs ที่รบกวน-ปะทะเข้ากับสนามแม่เหล็กโลก ทำให้เกิดความปั่นป่วนในสนามแม่เหล็กโลก ซึ่งเรียกว่า “พายุแม่เหล็กโลก (Geomagnetic storm)” ซึ่งความปั่นป่วนของสนามแม่เหล็กโลกจะสามารถเหนี่ยวนำกระแสไฟฟ้าที่พื้นผิวโลก หากกระแสไฟฟ้าเพิ่มเติมส่วนนี้เข้าสู่ระบบส่งไฟฟ้า จะทำให้หม้อแปลงเกิดความเสียหาย และสามารถทำให้เกิดไฟดับเป็นบริเวณกว้าง เช่น ไฟดับนาน 9 ชั่วโมง ทางภาคตะวันออกของแคนาดา เมื่อปี ค.ศ. 1989

3. ความเสี่ยงต่อระบบดาวเทียมและระบบนำทาง เมื่อฝูงอนุภาคมีประจุใน CMEs มาปะทะเข้ากับดาวเทียม สามารถทำให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจรที่ตัวดาวเทียม จนดาวเทียมเสียหายได้ และเกิดความเสี่ยงต่อเนื่องถึงระบบนำทาง-ระบุพิกัดตำแหน่ง (เช่น GPS) ที่ต้องใช้เครือข่ายดาวเทียมหลายดวง


ขณะที่ “การลุกจ้าบนดวงอาทิตย์” (Solar Flare) ซึ่งเป็นการปะทุปล่อยรังสีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่เข้มข้นจากพื้นผิวดวงอาทิตย์ ที่เกิดขึ้นพร้อมกับ CMEs ในครั้งนี้ จะส่งผลกระทบต่อการสื่อสารทางวิทยุในแบบ “สภาวะสัญญาณคลื่นวิทยุขาดหายชั่วคราว” (Radio blackout)

“สภาวะสัญญาณคลื่นวิทยุขาดหายชั่วคราว” เกิดขึ้นเมื่อรังสีจากการลุกจ้าบนดวงอาทิตย์เดินทางมาถึงโลก ทำให้อนุภาคแก๊สในบรรยากาศชั้นบนของโลกมีประจุไฟฟ้า อนุภาคแก๊สมีประจุส่วนนี้ทำให้เกิดสภาพแวดล้อมที่สัญญาณคลื่นวิทยุช่วงความยาวคลื่นสั้นที่ใช้สื่อสารคมนาคมเดินทางผ่านได้ยากขึ้น เพราะเมื่อคลื่นวิทยุเดินทางผ่านชั้นอนุภาคแก๊สมีประจุไฟฟ้า จะเสียพลังงานจากการชนกับอิเล็กตรอนที่เพิ่มจำนวนมากขึ้น จนสัญญาณคลื่นวิทยุอ่อนลงหรือถูกดูดกลืนไปทั้งหมด ความเสี่ยงที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับ “สภาวะสัญญาณคลื่นวิทยุขาดหายชั่วคราว” (ผลกระทบจากการลุกจ้าบนดวงอาทิตย์) และระบบนำทาง (ผลกระทบจาก CMEs) ร่วมกันทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการบิน (เครื่องบินที่ต้องใช้ระบบนำทางและสัญญาณคลื่นวิทยุสื่อสาร) ด้วย


ระดับความรุนแรงของพายุสนามแม่เหล็กโลก และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น

Kp 0-2 : ไม่มีผลกระทบใด ๆ ต่อเทคโนโลยีหรือมนุษย์ แสงออโรราจะอยู่ใกล้ขั้วโลกเท่านั้น

Kp 3-4 : เริ่มมีแสงออโรราขยายมานอกเขตขั้วโลกเล็กน้อย ยังไม่มีผลกระทบต่อระบบสื่อสาร

Kp 5 (G1) : ระบบไฟฟ้าอาจได้รับผลกระทบเล็กน้อยในบางพื้นที่ เช่น ขั้วโลก ดาวเทียมอาจมีการเบี่ยงเบนเล็กน้อย แสงออโรราอาจเห็นได้ในละติจูดกลาง เช่น สหรัฐตอนเหนือ

Kp 6 (G2) : อาจส่งผลกระทบต่อแรงดันในสายส่งไฟฟ้า ระบบนำทาง GNSS เริ่มผิดพลาดเล็กน้อย

Kp 7 (G3) : ส่งผลต่อดาวเทียมอย่างมีนัยสำคัญ ระบบนำทาง GPS มีความคลาดเคลื่อนสูงขึ้น เครื่องบินต้องหลีกเลี่ยงเส้นทางขั้วโลก

Kp 8 (G4) : อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์บนดาวเทียมได้รับผลกระทบอย่างมาก สัญญาณวิทยุ HF รบกวนรุนแรงทั่วโลก

Kp 9 (G5) : ผลกระทบรุนแรงที่สุด: ระบบไฟฟ้าอาจล่ม ดาวเทียมเสียหาย การนำทางหยุดชะงัก การบินเสี่ยงสูง แสงออโรราอาจมองเห็นได้ในละติจูดต่ำ


อย่างไรก็ตาม ในช่วงนี้ดวงอาทิตย์เพิ่งจะผ่านพ้นช่วงที่มีการปลดปล่อยพลังงานมากที่สุดในรอบวัฏจักร หรือเรียกว่า “Solar Maximum” เป็นช่วงที่พื้นผิวของดวงอาทิตย์จะปรากฏจุด (Sunspot) มากที่สุด เกิดจากความแปรปรวนสนามแม่เหล็กบริเวณพื้นผิวดาว และพบการปลดปล่อย CMEs มากที่สุดในช่วงนี้ โดยหลังจากนี้ดวงอาทิตย์จะค่อย ๆ สงบลง และจะปลดปล่อยพลังงานน้อยที่สุดในช่วงปี 2030 - 2031 เรียกว่าช่วง “Solar Minimum” เกิดเป็นวัฏจักรที่เรียกว่า “วัฏจักรสุริยะ” (Solar Cycle) ที่มีคาบประมาณ 11 ปี

การแจ้งเตือนของ NOAA ถึงการปลดปล่อยมวลของดวงอาทิตย์ และการเกิดพายุสนามแม่เหล็กโลก เป็นการรายงานข้อมูลจากดาวเทียมตามปกติอยู่แล้ว ไม่ได้เป็นการแจ้งเตือนให้เกิดความตกใจ และเนื่องจากช่วงนี้ดวงอาทิตย์เพิ่งจะผ่าน Solar Maximum มาได้ไม่นาน จึงทำให้มีการรายงานค่อนข้างเยอะ ทั้งนี้ สามารถติดตาม


กำลังโหลดความคิดเห็น