xs
xsm
sm
md
lg

“วัฏจักรสุริยะ” ต้นเหตุพายุสนามแม่เหล็กโลก ที่เกิดขึ้นบ่อยในช่วงนี้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



จากเหตุการณ์การประทุของดวงอาทิตย์บริเวณจุดมืด AR4100 บนดวงอาทิตย์ เมื่อวันที่ 30 - 31 พฤษภาคม 2568  พร้อมกับได้ปล่อยเปลวสุริยะและมวลโคโรนาขนาดใหญ่ และมีทิศทางมากระทบโลกเมื่อวันที่ 1 มิถุนายนที่ผ่านมา การประทุในครั้งนี้ สำนักงานบริหารบรรยากาศและมหาสมุทรแห่งชาติ (NOAA) ได้เผยว่าความรุนแรงได้ก่อให้เกิดพายุสนามแม่เหล็กโลกระดับรุนแรงมาก (G4) และ ทางสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ GISTDA ยังได้ตรวจพบพายุสนามแม่เหล็กโลกระดับ G3 บริเวณประเทศไทยอีกด้วย

หลายคนอาจสงสัยหรือกังวลว่าทำไมพายุสนามแม่เหล็กโลกระดับรุนแรงจึงเกิดขึ้นบ่อยในช่วงนี้ เพราะเมื่อปี 2024 ที่ผ่านมา ก็มีเหตุการณ์การการเกิดพายุสนามแม่เหล็กโลกระดับรุนแรงเกิดขึ้นเหมือนกัน จนทำให้หลายๆ ประเทศทั่วโลกได้ชมความสวยงามของปรากฏการณ์แสงออโรรา (Aurora) หลากสี ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นจากพายุสนามแม่เหล็กโลก แม้ในพื้นที่ที่อยู่ในเขตละติจูดที่ค่อนลงมาต่ำกว่าปกติที่เกิดแสงออโรราขึ้นได้ยาก ก็ยังได้มีโอกาสชมความสวยงาม


พายุสนามแม่เหล็กโลกเกิดจากพายุสุริยะ ที่มาจากการปลดปล่อยมวลจากดวงอาทิตย์ (Coronal Mass Ejection: CME) มวลที่ถูกปลดปล่อยมาจะกลายเป็น "พายุสุริยะ" ที่พัดออกสู่อวกาศอันกว้างใหญ่และเดินทางผ่านดาวเคราะห์ต่างๆ ที่เป็นบริวารของดวงอาทิตย์ หนึ่งในนั้นคือโลกของเรานั้นเอง


พายุสุริยะที่เกิดขึ้นบ่อยในช่วงนี้ มีต้นเหตุมาจากการเข้าสู่ วัฏจักรสุริยะที่ 25 ของดวงอาทิตย์ ดาวฤกษ์ศูนย์กลางของระบบสุริยะของเราดวงนี้มีการปลดปล่อยพลังงานที่แตกต่างกันในแต่ละช่วง เรียกว่า “วัฏจักรสุริยะ” (Solar Cycle) รอบของการเปลี่ยนแปลงจำนวนจุดดับบนดวงอาทิตย์ (Sunspot) การเกิดขึ้นของปรากฏการณ์นี้เป็นสาเหตุของความแปรปรวนบนชั้นบรรยากาศของดวงอาทิตย์ จุดมืดเหล่านี้จะเกิดขึ้นชั่วคราวและมีอุณหภูมิต่ำกว่าพื้นผิวโดยรอบ แต่ถือเป็นบริเวณที่มีสนามแม่เหล็กทรงพลัง


วัฏจักรสุริยะสามารถแบ่งออกเป็น 2 ช่วงหลัก คือ “ช่วงต่ำสุด” (Solar Minimum) ช่วงที่อาจไม่มีจุดดับปรากฏขึ้นนานหลายวันบนดวงอาทิตย์ และ “ช่วงสูงสุด” (Solar Maximum) คือ ช่วงที่อาจมีจุดดับปรากฏขึ้นมากกว่า 160 ถึง 200 จุด ทาง โดยทาง สำนักงานบริหารบรรยากาศและมหาสมุทรแห่งชาติ  ได้ประกาศว่า ปัจจุบันดวงอาทิตย์ได้เข้าสู่ช่วงสูงสุดของดวงอาทิตย์แล้ว และอาจดำเนินต่อไปจนถึงปลายปี 2025 แล้วจะค่อยๆ ลดลงจนน้อยที่สุดในปี 2033


ตลอดช่วงวัฏจักรสุริยะดวงอาทิตย์จะมีการปะทุอย่างรุนแรงบนพื้นผิวดวงอาทิตย์ ทำให้เกิดพายุสุริยะบ่อยขึ้นและรุนแรงมากขึ้น ซึ่งจะปลดปล่อยมวลออกมาสู่อวกาศ ไม่ว่าจะเป็นเปลวสุริยะ (Solar Flare) หรือแม้แต่การปลดปล่อยก้อนมวลโคโรนา (Coronal Mass Ejection) โดย 1 รอบวัฏจักรสุริยะจะมีระยะเวลาเฉลี่ยอยู่ที่ 11 ปี และในทุกๆ ครั้งของการขึ้นวัฏจักรใหม่ ขั้วแม่เหล็กของดวงอาทิตย์จะมีการกลับขั้วหรือสลับขั้วเหนือ – ใต้ระหว่างกัน

แม้ว่าดวงอาทิตย์จะมีการปล่อยมวลที่รุนแรงออกมาสู่อวกาศ และในบางครั้งก็พุ่งตรงมากระทบโลก แต่ปรากฏการณ์นี้จะไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ เพราะโลกของเรามีสนามแม่เหล็กที่ทรงพลังและชั้นบรรยากาศที่มีชั้นโอโซนที่คอยกรองรังสีต่างๆ ปกป้องอยู่


ข้อมูล - ภาพอ้างอิง
- - - - - - - - - - - - - - - - 
- nectec.or.th (สมาคมดาราศาสตร์ไทย)
- swpc.noaa.gov (NOAA )
- สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ NARIT
- nasa.gov (Solar Cycle 25 Is Here. NASA, NOAA Scientists Explain What That Means)


กำลังโหลดความคิดเห็น