เกษตรกรจังหวัดยโสธร หันมาปลูก ‘ถั่วเขียว KUML’ เพียง 2 ปี สายพันธุที่สนับสนุนการวิจัยโดย สวทช. วิจัยสายพันธุ์ โดย ม.เกษตรฯ กำแพงแสน ระดมนักวิชาการถ่ายทอดความรู้ให้เจ้าหน้าที่และเกษตรกรปลูกแบบครบวงจร ‘ถั่วเขียว KUML’ ขึ้นแท่นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ของชาวทุ่งกุลาร้องไห้ พืชจิ๋ว-ราคาแจ๋ว ราคารับซื้อสูงถึงกิโลกรัมละ 40 บาท ปลูกระยะสั้นเพียง 2 เดือนเศษ เก็บเกี่ยวผลผลิต-สร้างรายได้ 22,000บาท/ครัวเรือน ด้วยจุดเด่น ‘เมล็ดโต-น้ำหนักดี’ แถมต้นถั่วเขียวยังช่วยบำรุงดินเป็นปุ๋ยพืชสดให้ผลผลิตข้าวเพิ่มขึ้น ช่วยทั้งลดต้นทุน-สร้างรายได้เพิ่ม และไม่สร้างฝุ่น PM2.5 จากการไม่เผาตอซังในนาข้าว ด้าน เกษตรจังหวัดยโสธร เตรียมส่งเสริมเกษตรกร ขยายพื้นที่ปลูกจาก 350 ไร่ในปี68 ขยายเป็น 1 พันไร่ ต้นปี 69
น.ส.วิราภรณ์ มงคลไชยสิทธิ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และผู้อำนวยการ สถาบันการจัดการเทคโนโลยีและนวัตกรรมเกษตร (สท.) กล่าวว่า ฝ่ายถ่ายทอดเทคโนโลยี สท. สวทช. ภายใต้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ร่วมกับ ม.เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน กลุ่มส่งเสริมพืชน้ำมันและพืชตระกูลถั่ว สำนักส่งเสริมและจัดการสินค้าเกษตร กรมส่งเสริมการเกษตร และสำนักงานเกษตรจังหวัดยโสธร จัดงานวันเก็บเกี่ยวถั่วเขียว KUML และเปิดตัวศูนย์เรียนรู้เทคโนโลยีการผลิตถั่วเขียว KUML ระดับชุมชน จากงานวิจัยสู่แปลงผลิตด้วยความรู้และเทคโนโลยี เพื่อเป็นการเผยแพร่งานวิจัยและเทคโนโลยีของ สวทช. ให้เกิดการนำไปใช้ประโยชน์จริง สร้างกลุ่มเกษตรกรผู้ผลิตเมล็ดพันธุ์ถั่วเขียวพันธุ์ KUML ที่มีองค์ความรู้และเทคโนโลยีการผลิตถั่วเขียว KUML อินทรีย์ ให้ได้มาตรฐานและคุณภาพตามที่ตลาดต้องการ สามารถขยายผลในพื้นที่อื่น ๆ และสามารถเก็บและรักษาเมล็ดพันธุ์ไว้ใช้เอง ตามหลักวิชาการให้เป็นที่รู้จักของหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน รวมถึงสร้างเครือข่ายเกษตรกรผู้ปลูกถั่วเขียว KUML ในพื้นที่ทุ่งกุลาร้องไห้ ด้วยกลไกตลาดนำการผลิต ร่วมกับ หน่วยงานในพื้นที่เป้าหมาย ได้แก่ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ทั้งนี้เพื่อเป็นการลดการเผา บำรุงดิน และเกิดการสร้างอาชีพและเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกร โดยปัจจุบันมีจำนวนเกษตรกรผู้ปลูกทั้งสิ้น 3 จังหวัดพื้นที่ทุ่งกุลาฯ (ยโสธร ศรีสะเกษ สุรินทร์ ) โดยในปี 2569 จังหวัดยโสธร จะเพิ่มจาก 350 ไร่ เป็น 1,000 ไร่ และตอบโจทย์ มิติลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม ในโครงการทุ่งกุลาม่วนซื่น ตามกลยุทธ์ การพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อประเทศไทยที่ยั่งยืน (S&T Implementation for Sustainable Thailand) ของ สวทช.
นายวีรศักดิ์ บุญเชิญ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า นโยบายการส่งเสริมพืชหลังนาของกรมส่งเสริมการเกษตร และความร่วมมือกับ สวทช. ในการขยายผลการผลิตถั่วเขียว KUML แบบครบวงจรนั้น สวทช. ได้ดำเนินงานร่วมกับกลุ่มส่งเสริมพืชน้ำมันและพืชตระกูลถั่ว สำนักส่งเสริมและจัดการสินค้าเกษตร กรมส่งเสริมการเกษตร ที่ดำเนินงานส่งเสริมการปลูกถั่วเขียวเป็นพืชหลังนา และมีกลไกการทำงานเชื่อมโยงกับสำนักงานเกษตรจังหวัด ทั้งสิ้น 32 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดกำแพงเพชร เชียงราย เชียงใหม่ ตาก นครสวรรค์ น่าน พะเยา พิจิตร พิษณุโลก เพชรบูรณ์ แพร่ แม่ฮ่องสอน ลำปาง สุโขทัย อุตรดิตถ์ ชัยนาท ลพบุรี อุทัยธานี กาฬสินธุ์ ขอนแก่น นครราชสีมา บุรีรัมย์ เลย ศรีสะเกษ สุรินทร์ หนองบัวลำภู อุดรธานี อุบลราชธานี ยโสธร ร้อยเอ็ด อำนาจเจริญ และจังหวัดมหาสารคาม ภายใต้ โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร กิจกรรมเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตพืชตระกูลถั่ว ซึ่งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน และแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ประเด็น ด้านการเกษตร แผนแม่บทย่อย: เกษตรปลอดภัย
“โครงการนี้มีการพัฒนาต้นแบบเกษตรกร แปลงเรียนรู้ และพื้นที่ต้นแบบการผลิตเมล็ดพันธุ์ถั่วเขียวในระดับชุมชน มุ่งหวังการสร้างกลุ่มผู้ผลิตถั่วเขียวเข้าโรงงานอุตสาหกรรมที่มีผลผลิตสูง (grain) ตรงกับความต้องการของตลาด และสร้างกลุ่มผู้ผลิตเมล็ดพันธุ์ถั่วเขียวระดับชุมชน (seed) ลดการขาดแคลนเมล็ดพันธุ์ดีมีคุณภาพ โดยในโครงการจะดำเนินงานใน 1 จังหวัดนำร่อง คือ จังหวัดยโสธร เนื่องจากเป็นนโยบายการขับเคลื่อนของจังหวัดที่จะส่งเสริมให้ “ยโสธรเมืองเกษตรอินทรีย์ เมืองแห่งวิถีอีสาน” โดยมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาศักยภาพการบริหารทรัพยากรการเกษตรเป็นเกษตรปลอดภัยและเกษตรอินทรีย์ ให้มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นและไม่กระทบสิ่งแวดล้อม และพัฒนาคุณภาพชีวิตเกษตรกร การลดต้นทุน เพิ่มผลผลิตและเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรปลอดภัยและเกษตรอินทรีย์สอดคล้องตามแนวทางวิถีท้องถิ่น สร้างความมั่นคง มั่งคั่งและยั่งยืน โดยมีการบรรจุถั่วเขียว เป็น 1 ใน 10 ชนิดสินค้าสำคัญที่จะขับเคลื่อนในรูปโครงการ ในปีงบประมาณ 2569”
น.ส.ณิฎฐา คุ้มโต นักวิชาการอาวุโส ฝ่ายถ่ายทอดเทคโนโลยี สท. สวทช. กล่าวเสริมว่า ปี 2567 สวทช. ได้รับทุนสนับสนุนจากสำนักวิจัยและพัฒนานวัตกรรม ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ในการขับเคลื่อนการดำเนินงานพืชหลังนา ร่วมกับสำนักงานเกษตรจังหวัดยโสธร ในฤดูกาลผลิตปี 2567/2568 สวทช.ได้สนับสนุนเมล็ดพันธุ์ถั่วเขียว KUML จำนวน 1,750 กิโลกรัม และไรโซเบียม พื้นที่ปลูก 350 ไร่ พร้อมทั้งจัดอบรมถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตถั่วเขียวพันธุ์ KUML แบบครบวงจร โดยมี สำนักงานเกษตรจังหวัดยโสธรได้คัดเลือกพื้นที่และเกษตรกร จำนวน 14 กลุ่ม จาก 8 อำเภอ ได้แก่ เกษตรอำเภอค้อวัง เกษตรอำเภอมหาชนะชัย เกษตรอำเภอคำเขื่อนแก้ว เกษตรอำเภอเมืองยโสธร เกษตรอำเภอทรายมูล เกษตรอำเภอกุดชุม เกษตรอำเภอไทยเจริญ และเกษตรอำเภอเลิงนกทา เพื่อเข้าร่วมโครงการ และสร้างรายได้ให้กับเกษตรกร นอกจากนี้ยังช่วยปรับปรุง บำรุงดินเพื่อเตรียมการเพาะปลูกในฤดูกาลถัดไป และมีการอบรมให้ความรู้แก่เจ้าหน้าที่ ให้เจ้าหน้าที่สามารถส่งเสริมให้พี่น้องเกษตรกรปลูกถั่วเขียวพันธุ์ KUML ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถกระจายสู่ทุกอำเภอภายในจังหวัดยโสธร โดยมี สหกรณ์เกษตรอินทรีย์เลิงนกทา จำกัด เป็นตลาดรับซื้อผลผลิตถั่วเขียว KUML