xs
xsm
sm
md
lg

ครม. ไฟเขียว MOU ไทย-จีน ร่วมมือใช้เทคโนโลยีนิวเคลียร์อย่างสันติ ลงนาม 6 ก.พ. นี้ ที่ปักกิ่ง นายกฯ ร่วมเป็นสักขีพยาน หนุนพลังงานสะอาด-ลดก๊าซเรือนกระจก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ครม.มีมติเห็นชอบร่าง MOU ระหว่างไทยและจีนว่าด้วยความร่วมมือด้านการใช้ประโยชน์เทคโนโลยีนิวเคลียร์ในทางสันติ ลงนามความเป็นหุ้นส่วนวันที่ 6 ก.พ.นี้ ที่กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน นายกรัฐมนตรีเป็นสักขีพยาน หนุนนำเทคโนโลยีนิวเคลียร์มาใช้เป็นพลังงานสะอาดและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

เมื่อวันที่ 5 ก.พ.68 น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) เมื่อวันที่ 4 ก.พ.ที่ผ่านมา มีมติเห็นชอบร่าง MOU ระหว่างกระทรวง อว.และองค์การพลังงานปรมาณูแห่งชาติจีน (China Atomic Energy Authority, CAEA) ว่าด้วยความร่วมมือด้านการใช้ประโยชน์เทคโนโลยีนิวเคลียร์ในทางสันติ เพื่อส่งเสริมความร่วมมือในการใช้พลังงานนิวเคลียร์และการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีนิวเคลียร์ในทางสันติให้เกิดความปลอดภัย โดยพัฒนาความร่วมมือในด้านการกำกับดูแลความปลอดภัย การวิจัยและพัฒนา รวมถึงการพัฒนาศักยภาพของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง

รมว.กระทรวง อว.กล่าวต่อว่า ร่าง MOU ฉบับนี้เกิดขึ้นจากการหารือแบบทวิภาคีระหว่างกระทรวง อว. กับ CAEA ในงานสัมมนาระหว่างสาธารณรัฐประชาชนจีน และกลุ่มประเทศอาเซียน เรื่อง การใช้ประโยชน์จากพลังงานนิวเคลียร์ในทางสันติ เมื่อเดือน ส.ค.2567 ณ กรุงเทพมหานคร เพื่อสร้างความเป็นหุ้นส่วนในเรื่องดังกล่าวระหว่างสองประเทศ รวมถึงการยกระดับศักยภาพของไทยในการเป็นผู้นำในอาเซียนในการนำเทคโนโลยีนิวเคลียร์มาใช้ประโยชน์ในด้านต่าง ๆ ให้เกิดความปลอดภัยสูงสุดต่อประชาชน และสิ่งแวดล้อม ซึ่งในปัจจุบันมีการใช้เทคโนโลยีนิวเคลียร์ในด้านต่าง ๆ เช่น ด้านการแพทย์ ด้านอุตสาหกรรม ด้านการเกษตร เป็นต้น นอกจากนี้ ร่าง MOU ยังสนับสนุนการนำเทคโนโลยีนิวเคลียร์มาใช้เป็นพลังงานในการผลิตกระแสไฟฟ้า เช่น เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ขนาดเล็ก (Small Modular Reactor, SMR) เพื่อส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาดและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิ เพื่อให้เกิดความมั่นคงในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

“MOU ฉบับนี้จะมีการลงนามระหว่างปลัดกระทรวง อว. และประธานองค์การพลังงานปรมาณูแห่งชาติจีน ในวันที่ 6 ก.พ.2568 ณ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นสักขีพยานในการลงนาม” น.ส.ศุภมาส กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น