แม้ในปัจจุบัน กล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิล ของ องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ – NASA จะมี กล้องโทรทรรศน์อวกาศเจมส์ เวบบ์ มาช่วยเก็บข้อมูลและถ่ายภาพวัตถุในอวกาศอันกว้างไกล แต่ด้วยความสามารถในการสังเกตสเปกตรัมในช่วงที่ตามองเห็นและช่วงอัลตราไวโอเลตของฮับเบิล ทำให้เราได้เห็นภาพวัตถุนอกอวกาศในช่วงคลื่นที่ตามองเห็น ซึ่งแตกต่างจากเจมส์ เวบบ์ที่ใช้สำรวจคลื่นช่วงอินฟราเรดเท่านั้น
ตั้งแต่ กล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิล ถูกส่งสู่วงโคจรเมื่อปี 1990 และเฝ้าติดตามดาวเคราะห์ทั้งในและนอกระบบสุริยะเป็นประจำ ภายใต้โครงการ Outer Planet Atmospheres Legacy programme (OPAL) ล่าสุดทาง NASA ได้เผยภาพจากฮับเบิล โดยเป็นถ่ายภาพชุดใหม่ของดาวพฤหัสบุดี ดาวเคราะห์ดวงใหญ่ที่สุดของระบบสุริยะ ที่ถ่ายไว้เมื่อ 5 - 6 มกราคม ที่ผ่านมา ซึ่งสามารถสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของเมฆหลากสี พายุไซโคลน และแอนติไซโคลน รวมถึง The Great Red Spot จุดแดงใหญ่อันโด่งดังที่มีขนาดเล็กลงกว่าเมื่อครั้งอดีต
ภาพชุดใหม่นี้แสดงให้เห็นบรรยากาศของดาวพฤหัสบดีที่มีรูปร่างและสีสันที่หลากหลายและเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา นี่คือดาวเคราะห์แห่งพายุเฮอริเคน ซึ่งสามารถพบพายุไซโคลน แอนติไซโคลน ลมเฉือนได้ รวมถึงจุดแดงใหญ่อันโด่งดัง The Great Red Spot พายุที่ใหญ่ที่สุดในระบบสุริยะ แม้จะมีขนาดเล็กลงกว่าเมื่อครั้งอดีต แต่ยังคงไว้ซึ่งความเร็วลมที่มหาศาล และยังมีขนาดใหญ่กว่าโลก ดาวเคราะห์ลำดับที่ 3 ในระบบสุริยะเดียวกัน
ดาวพฤหัสบดีไม่มีพื้นผิวแข็งและถูกปกคลุมไปด้วยเมฆที่ประกอบด้วยผลึกแอมโมเนียตลอดกาล ซึ่งทำให้ดาวเคราะห์มีลักษณะเป็นแถบ แถบนี้เกิดขึ้นเนื่องจากในละติจูดที่ต่างกัน อากาศจะเคลื่อนที่ไปในทิศทางที่ต่างกันด้วยความเร็วถึง 560 กม./ชม. บริเวณที่สว่างซึ่งบรรยากาศสูงขึ้นเรียกว่าโซน บริเวณที่มืดกว่าซึ่งมีอากาศลงมาเรียกว่าแถบ เมื่อกระแสน้ำตรงข้ามปะทะกัน พายุและความปั่นป่วนจะเกิดขึ้น ภาพฮับเบิลภาพแรกถูกครอบงำด้วยจุดแดงใหญ่ (GRS)
ในส่วนภาพอีกด้านของดาวพฤหัสบดี (6 ม.ค.) ในละติจูดทางใต้มีวัตถุซึ่งบางครั้งเรียกว่าจุดสีแดงเล็กๆ แอนติไซโคลนนี้ก่อตัวขึ้นจากการรวมตัวกันของพายุในปี 1998 และ ปี 2000 และในปี พ.ศ. 2006 เปลี่ยนเป็นสีแดงได้ระยะหนึ่งแล้วจึงเปลี่ยนเป็นสีเบจอ่อนอีกครั้ง และในปีนี้ ก็เริ่มมีสีแดงขึ้นอีกเล็กน้อย ยังไม่ทราบกลไกที่แน่นอนของการเปลี่ยนสีของพายุ สามารถเชื่อมโยงกับสารประกอบเคมีหลายชนิด เช่น ซัลเฟอร์ ฟอสฟอรัส หรือสารอินทรีย์ จุดสีแดงเล็กๆ เคลื่อนที่รอบดาวพฤหัสบดีในทิศทางตรงกันข้ามกับ GRS และผ่านไปข้างๆ ทุกๆ สองปี ภาพที่สองบันทึกกิจกรรมพายุในซีกโลกตรงข้ามของดาวพฤหัสบดี ทางด้านขวาของศูนย์กลาง คุณจะเห็นพายุไซโคลนสีแดงเข้มและแอนติไซโคลนสีแดง พวกมันหมุนไปในทิศทางตรงกันข้ามซึ่งบ่งบอกถึงการสลับของระบบแรงดันสูงและต่ำ การชนกันไม่น่าจะเป็นไปได้ เนื่องจากการหมุนที่ไม่ตรงกันจะทำให้พายุเคลื่อนตัวออกจากกัน
สำหรับข้อมูลของจุดแดงใหญ่อันโด่งดัง “The Great Red Spot” หรือที่รู้จักกันในชื่อจุดแดงบนดาวพฤหัสบดีนั้น ถือเป็นพายุที่ใหญ่ที่สุดและยาวนานที่สุดลูกหนึ่งในระบบสุริยะ โดยอ้างอิงจากหลักฐานบันทึกการสำรวจเป็นลายลักษณ์อักษรตั้งแต่ช่วงปี 1665 ถึง 1713 ซึ่งหากหลักฐานดังกล่าวเป็นจริง หมายความว่าพายลูกนี้อยู่มาแล้วอย่างน้อยประมาณ 356 ปี
พายุลูกนี้หมุนในทิศทางทวนเข็มนาฬิกา รอบการหมุนประมาณ 6 วันของโลก หรือ 14 วันของดาวพฤหัสบดี มีขนาดวัดจากตะวันตก-ตะวันออก 24-40,000 กิโลเมตร และวัดจากใต้-เหนือ 12-14,000 กิโลเมตร ขนาดของพายุนี้ใหญ่มากจนสามารถบรรจุดาวเคราะห์ที่ใหญ่ขนาดโลกได้ถึง 12ดวง
ขอบคุณข้อมูลอ้างอิง : universemagazine.com , NASA, ESA, J. DePasquale (STScI), A. Simon (NASA-GSFC)