xs
xsm
sm
md
lg

ปี 2023 โลกร้อนที่สุดในประวัติศาสตร์ที่มีการบันทึกไว้ อุณหภูมิสูงทำลายสถิติใหม่ ติดต่อกันเป็นเดือนที่ห้า

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เป็นที่ทราบกันดีว่าในปัจจุบันโลกกำลังพบกับสภาวะสภาพอากาศแปรปรวน อันเป็นผลมาจากสภาวะที่โลกของเรามีอุณหภูมิร้อนขึ้น ในการบันทึกข้อมูลสภาพอากาศในปีหลังๆ นักวิทยาศาสตร์ต่างได้ข้อมูลสถิติใหม่ๆ ที่ทำให้เกิดความกังวลในสิ่งที่โลกกำลังเผชิญอยู่ และในปี 2023 นี้ หน่วยงานติดตามการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศโคเปอร์นิคัสของสหภาพยุโรป C3S (Copernicus Climate Change Service) ได้เผยข้อมูลว่า ในปีนี้อุณหภูมิเฉลี่ยทั่วโลกจะร้อนขึ้นอีก 0.4 องศาเซลเซียส จากระดับสูงสุดก่อนหน้าในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา

ข้อมูลที่ทาง C3S เปิดเผยนั้น ทำให้ได้รู้ว่า ฤดูร้อนปี 2023 ทั่วโลกมีอุณหภูมิเฉลี่ยสูงสุดเท่าที่เคยมีการบันทึกสถิติไว้ ช่วงเวลาสามเดือนระหว่างเดือนมิถุนายนถึงเดือนสิงหาคมปี 2023 นี้ อุณหภูมิเฉลี่ยทั่วโลกอยู่ที่ระดับ 16.8 องศาเซลเซียส ซึ่งสูงกว่าค่ามัธยฐานราว 0.66 องศาเซลเซียส และในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา อุนหภูมิความร้อนยังสร้างสถิติใหม่เป็นเดือนที่ร้อนที่สุดเป็นประวัติการณ์ และเป็นการทำลายสถิติใหม่สามเดือนติดต่อกัน หลังจากที่เดือนมิถุนายนและกรกฎาคมต่างทำสถิติเป็นเดือนที่ร้อนที่สุดทั้งสองเดือน


นอกจากสามเดือนที่ร้อนที่สุดในประวัติศาสตร์แล้ว ในเดือนกันยายนก็มีอุณหภูมิสูงขึ้นกว่าเดิม 0.93 องศาเซลเซียส เมื่อเทียบกับอุณหภูมิค่าเฉลี่ยในช่วงเดือนเดียวกันของปี 1991 - 2020 หรือ เป็นช่วงที่โลกเผชิญความร้อนมากที่สุดเหนือค่าเฉลี่ยตลอด 83 ปีที่ผ่านมา และในเดือนพฤศจิกายนนี้ ยังมีอุณหภูมิสูงขึ้น 1.7 องศาเซลเซียส เมื่อเทียบกับช่วงก่อนยุคอุตสาหกรรม
อย่างที่ได้ทราบกัน ในปีนี้โลกกำลังพบกับปรากฏการณ์เอลนีโญที่ส่งผลอุณหภูมิที่สูงขึ้น และทำให้หลายประเทศทั่วโลก ต้องเผชิญทั้งวิกฤตภัยแล้ง คลื่นความร้อน น้ำท่วม ไฟป่า นักวิทยาศาสตร์ยังชี้อีกว่า อุณหภูมิโลกที่สูงขึ้นจะยังคงดำเนินต่อไปจนถึงปี 2024 83 ปีที่ผ่านมา และในเดือนพฤศจิกายนนี้ ยังมีอุณหภูมิสูงขึ้น 1.7 องศาเซลเซียส เมื่อเทียบกับช่วงก่อนยุคอุตสาหกรรม

อย่างที่ได้ทราบกัน ในปีนี้โลกกำลังพบกับปรากฏการณ์เอลนีโญที่ส่งผลอุณหภูมิที่สูงขึ้น และทำให้หลายประเทศทั่วโลก ต้องเผชิญทั้งวิกฤตภัยแล้ง คลื่นความร้อน น้ำท่วม ไฟป่า นักวิทยาศาสตร์ชี้ว่าอุณหภูมิโลกที่สูงขึ้นจะยังคงดำเนินต่อไปจนถึงปี 2024


ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก : bbc.com , reuters.com


กำลังโหลดความคิดเห็น