ในที่ประชุม Historical Clinicopathological Conference (HCPC) ประจำปีครั้งที่ 19 ที่เมือง Baltimore รัฐ Maryland ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อพฤษภาคมปี 2012 ได้มีการนำเสนอการเสียชีวิตของเซเล็บหลายคน เช่น คีตกวี Ludwig von Beethoven (1770-1827) นักผจญภัย Christopher Columbus (1451-1506) และกษัตริย์ Herod แห่งอิสราเอล (72-1 ปีก่อนคริสตกาล) ซึ่งการนำเสนอเรื่องของบุคคลสำคัญในแนวนี้ นักประวัติศาสตร์หลายคนไม่เห็นด้วย เพราะคิดว่าบรรดาแพทย์กำลังพยายามจะเขียนประวัติศาสตร์ใหม่ และอาจจะอ้างข้อมูลใหม่ ซึ่งอาจทำให้คนที่เกี่ยวข้องกับผู้ที่ถูกวิเคราะห์สาเหตุการตาย ได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจมาก
ความจริงการประชุม HCPC ซึ่งถือกำเนิดเมื่อปี 1993 เมื่อ Philip Mackowiak นักระบาดวิทยาแห่งมหาวิทยาลัย Maryland School of Medicine ที่ Baltimore ในสหรัฐอเมริกา ได้อ่านอัตชีวประวัติของนักประพันธ์ Edgar Allan Poe ซึ่งได้เสียชีวิตลงในปี 1849 และพบว่าก่อนตาย Poe มีอาการประหลาดที่น่าสนใจหลายเรื่อง Mackowiak ซึ่งต้องการจะหาสาเหตุ จึงนำข้อมูลที่เก็บรวบรวมมาได้มาบรรยายให้ที่ประชุมฟัง แล้ววิเคราะห์เหตุการณ์โดยใช้ความรู้แพทยศาสตร์ปัจจุบัน ผลที่เกิดตามมา คือ ที่ประชุมได้ให้ความสนใจมาก เช่น ในกรณีของ Poe ซึ่งคนส่วนมากรู้ว่า Poe ติดสุรา และเสียชีวิตด้วยโรคพิษสุราเรื้อรัง แต่เมื่อ Mackowiak ได้อ่านบันทึกของแพทย์ที่รักษา Poe เขากลับพบว่าแพทย์ได้บรรยายอาการป่วยของ Poe จนทำให้คนที่มีความรู้ทางแพทย์รู้สึกเสมือนว่า Poe เสียชีวิตด้วยโรคพิษสุรา ตราบจนวันนี้ก็ยังไม่มีใครรู้ว่า Poe เสียชีวิตด้วยสาเหตุอะไร
ในปี 2014 บรรณารักษ์ประจำหอจดหมายเหตุแห่งราชสำนักของอังกฤษ (Royal Archives) ได้นำเอกสารหนา 33,000 หน้า ซึ่งได้บันทึกเหตุการณ์ในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้า George ที่ 3 ซึ่งอังกฤษได้สูญเสียอเมริกา เพราะอเมริกาประกาศอิสรภาพ และก็ได้นำพระอาการสติวิปลาสของกษัตริย์ George ที่ 3 ออกเผยแพร่ทาง online เพื่อให้โลกได้อ่าน
สมเด็จพระเจ้า George ที่ 3 ทรงเป็นกษัตริย์แห่งอังกฤษ ผู้ทรงครองราชย์นานที่สุด คือ ตั้งแต่ ค.ศ. 1760-1820 ในรัชสมัยของพระองค์ คือ ในปี 1776 รัฐทั้ง 13 รัฐในอเมริกาได้ประกาศความเป็นเอกราช ซึ่งการสูญเสียนี้ได้ทำให้พระองค์ทรงรันทดมาก เอกสารยังได้บันทึกการสู้รบทางเรือนอกอ่าว Chesapeake ที่กองทัพเรือฝรั่งเศสพิชิตกองทัพเรืออังกฤษ เมื่อปี 1781 ด้วย นอกจากนี้ก็ยังนำสำเนาจดหมายที่นักสำรวจชื่อ James Cook ในคริสต์ศตวรรษที่ 18 ได้กล่าวถึงหน่วยงานราชการลับในกษัตริย์ George ที่ 3 ซึ่งได้ทูลพระองค์ให้ทรงทราบว่า พระองค์ทรงถูกปองร้ายโดยกษัตริย์ฝรั่งเศส
แม้พระเจ้า George ที่ 3 จะทรงครองบัลลังก์นานร่วม 60 ปีก็ตาม แต่ก่อนจะสิ้นพระชนม์ประมาณ 10 ปี พระองค์ทรงมีพระสติฟั่นเฟือนมาก จนพระราชโอรสต้องทำหน้าที่เป็นผู้สำเร็จราชการแทน และได้เสด็จขึ้นครองราชย์ในปี 1852 เป็นพระเจ้า George ที่ 4 หลังจากที่พระบิดา George ที่ 3 เสด็จสวรรคตแล้ว
หากจะกล่าวถึงกษัตริย์ที่ทรงเสียพระสติโดยไม่มีใครจนกระทั่งวันนี้รู้สาเหตุ ก็คงไม่มีใครเกิน สมเด็จพระเจ้า Ludwig ที่ 2 แห่งแคว้น Bavaria ในเยอรมนี เมื่อสมเด็จพระราชบิดา Maximillian ที่ 2 เสด็จสวรรคตในวันที่ 10 มีนาคม ค.ศ. 1864 พระโอรส Ludwig ที่ 2 ในวัย 18 ชันษา ได้เสด็จขึ้นครองราชย์แทน และทรงมีพระอัธยาศัยแปลก ๆ เช่น โปรดปรานการทรงม้าในยามวิกาล ตั้งแต่ 2 ทุ่มไปจนกระทั่งถึงตี 3 และทรงโปรดให้ทหารคนสนิทติดตามพระองค์โดยตลอด เพื่อทำหน้าที่เปลี่ยนม้า และถวายพระกระยาหาร อนึ่งพระองค์ทรงโปรดปรานบรรดาข้าราชการบริพารที่จงรักภักดีต่อพระองค์มาก ด้วยการมอบทรัพย์สินเงินทองเป็นรางวัลให้มากมาย
จากการที่ทรงโปรดการทรงงานในยามค่ำคืน เพราะพระองค์ไม่ประสงค์จะเป็นเหมือนคนทั่วไปที่ทำงานในเวลากลางวัน และพักผ่อนในเวลากลางคืน แม้แต่ในพระราชวังหรือห้องบรรทมก็ทรงโปรดให้เปลี่ยนภาพวาดที่เป็นดวงอาทิตย์เป็นดวงจันทร์ เมื่อครั้งที่ทรงมีพระชนมายุ 15 พรรษา ได้เสด็จไปทอดพระเนตรอุปรากร Lohengrin โดยคีตกวี Richard Wagner (1813 – 1883) และทรงคลั่งไคล้ในโอเปราเรื่องนี้มาก จนถึงขนาดที่ทรงเชื่อว่าในอดีตพระองค์ทรงเป็นอัศวินคนหนึ่ง ซึ่งได้ช่วยหญิงสาวให้รอดชีวิตโดยที่นางไม่เคยถามว่า พระองค์คือใคร นอกจากจะทรงโปรดปรานเนื้อหาของโอเปราแล้ว ยังทรงโปรดปรานตัว Wagner เป็นพิเศษด้วย
แต่ Wagner เป็นคนที่มีหนี้สินล้นพ้นตัว จึงต้องหลบหนีเจ้าหนี้ตลอดเวลา กษัตริย์ Ludwig จึงทรงโปรดให้เลขาฯ ในพระองค์ตามหาตัว Wagner จนพบ และโปรดประทานบ้านพักกับทรัพย์สินเงินทองให้ Wagner ได้ใช้อย่างไม่เดือดร้อน และให้อยู่ใกล้ ๆ พระองค์ที่เมือง Munich เพราะทรงโปรด Wagner จนประชาชน ปรารภว่า Ludwig ทรงทุ่มเททั้งเงินทองและเวลาให้ Wagner แต่ทรงได้รับผลตอบแทนอย่างไม่คุ้มค่า
เพราะเมื่อ Wagner ได้เข้ามาก้าวก่ายเรื่องการบริหารราชการของพระองค์ บรรดาชาวเมืองก็ยิ่งไม่พอใจ จนได้ยื่นคำขาดให้ Ludwig ทรงเลือกระหว่างงานหลวง กับ Wagner ในที่สุด Ludwig ทรงเลือกงานหลวง ซึ่งทำให้ Wagner ต้องจากพระองค์ไป แต่ Ludwig ก็ยังทรงคิดถึง Wagner ซึ่งเป็นไอดอล จนกระทั่ง Wagner เสียชีวิต
ในปี 1868 กษัตริย์ Ludwig ทรงพระอักษรถึง Wagner ว่า พระองค์ทรงประสงค์จะสร้างปราสาท Vorderhohenschwangau บนยอดเขาที่อยู่ใกล้น้ำตก Pollat โดยให้เป็นรูปแบบของปราสาทที่อัศวินเยอรมันโบราณเคยอาศัย เพราะพระองค์ทรงประสงค์จะกลับไปใช้ชีวิตอยู่ในยุคนั้น
ปราสาท Neuschwanstein (New Swan Stone) หรือปราสาทหงส์ใหม่ ที่ทำด้วยหินในสไตล์ Baroque ที่สวยโอ่อ่า เพราะเต็มไปด้วยศิลปะที่มีมูลค่ามากตามแบบพระราชวัง Versailles ของฝรั่งเศส
ความหรูหราและความสันโดษของปราสาทได้ทำให้กษัตริย์ Ludwig ทรงโปรดให้เป็นที่หลบหนีความวุ่นวายจากการบริหารงานทั้งหลายทั้งปวง พระองค์จึงทรงโปรดให้ข้าราชบริพารในปราสาทแต่งตัวแบบขุนนางในยุคของสมเด็จพระเจ้า Louis ที่ 14 และทรงใช้พระราชทรัพย์อย่างฟุ่มเฟือย เช่น ทรงสร้างราชรถที่ทำด้วยทองคำ และทรงเดินทางจาก Munich ไป Innsbruck ในออสเตรียบ่อย
จนในที่สุดเมื่อถึงเดือนมิถุนายน ปี 1886 องค์รัชทายาท คือ พระเจ้า Luitpold ได้ทรงประกาศให้ประชาชนทราบว่า กษัตริย์ Ludwig ที่ 2 ทรงเสียพระสติแล้ว จากการวิเคราะห์ของแพทย์ประจำพระองค์ และ Luitpold ได้ทรงขึ้นดำรงตำแหน่งเป็นผู้สำเร็จราชการแทน จากนั้นกษัตริย์องค์ใหม่ได้ทรงกักบริเวณมิให้กษัตริย์ Ludwig ที่ 2 เสด็จออกนอก Munich ได้อีก
ในคืนของวันที่ 13 มิถุนายน ค.ศ. 1886 กษัตริย์ Ludwig ได้เสด็จออกไปเดินเล่นกับแพทย์ประจำพระองค์ชื่อ Bernhard von Gudden ครั้นเมื่อพระองค์ไม่ได้เสด็จกลับพระราชวัง ทหารองครักษ์จึงได้ออกตาม และเห็นร่างคนสองคนลอยคว่ำหน้าอยู่ในทะเลสาบ ณ ที่ห่างจากฝั่ง 20 เมตร
ปริศนาที่ยังไม่มีใครทราบจนทุกวันนี้ ว่านี่เป็นการฆาตกรรม อุบัติเหตุ หรืออัตวินิบาตกรรม
ที่อเมริกาก็มีความสนใจเรื่องอะไรที่ได้เกิดขึ้นกับกลุ่มคนชาวอังกฤษกลุ่มแรก ที่ได้อพยพไปตั้งถิ่นฐานในอเมริกา
ประวัติศาสตร์ของอเมริกาได้บันทึกว่าในปี 1587 ชาย-หญิง และเด็กๆ กว่า 100 คน ได้เดินทางจากอังกฤษไปตั้งถิ่นฐานอยู่ที่เกาะ Roanoke ในรัฐ North Carolina แต่ในเวลานั้น การลำเลียงเสบียงอาหารและเวชภัณฑ์ไปให้ผู้อพยพเป็นไปอย่างยากลำบากมาก เพราะเรือเสบียงถูกคุกคามโดยทหารสเปน ซึ่งเป็นศัตรูกับอังกฤษ
อีกสามปีต่อมา เมื่อทหารอังกฤษได้เดินทางไปตรวจสภาพของหมู่บ้านบนเกาะ ก็ได้พบหมู่บ้านในสภาพร้าง และผู้คนได้หายสาบสูญไปหมด โดยไม่มีใครรู้ชะตากรรมของคนเหล่านี้เลยว่าถูกสังหาร ล้มตายด้วยโรคระบาด หรือได้อพยพไปที่อื่น
ในปี 2018 นักโบราณคดีได้เริ่มเสาะหาคำตอบของปริศนานี้ และพบว่าผู้อพยพกลุ่มแรกที่เดินทางถึงโลกใหม่ ได้เดินทางถึงในปี 1585 และทุกคนเป็นผู้ชาย นอกจากนี้ก็มีคนๆ หนึ่งชื่อ Joachim Gans ซึ่งเป็นนักโลหะวิทยา จากกรุง Prague และ Gans ได้สร้างห้องปฏิบัติการ เพื่อทำงานร่วมกับ Thomas Harriot (1560-1621) แต่ Harriot ได้บังเอิญฆ่าหัวหน้าเผ่าอินเดียนแดง การต่อต้านจึงเกิดขึ้นทันที จนผู้อพยพเหล่านี้ต้องทิ้งเกาะ เพื่ออพยพกลับอังกฤษ
จากนั้นกลุ่มอพยพกลุ่มที่สองก็ได้มาถึงในปี 1587 คราวนี้มีผู้หญิงและเด็ก ๆ มาด้วย แล้วเริ่มสร้างอาคารบนที่รกร้าง และปรักหักพังบนเกาะ แต่อีกสามปีต่อมา คือในปี 1590 หมู่บ้านทั้งหมดก็ได้กลายเป็นหมู่บ้านร้างไปอีก
การวิเคราะห์หลักฐานต่าง ๆ ที่พบบนเกาะตั้งแต่ปี 1990 เป็นต้นมา ได้พบห้องปฏิบัติการของ Gans ว่าได้พยายามค้นหาอัญมณีในหิน และ Harriot ได้ศึกษาพืชที่ใช้เป็นยา เช่น ต้นยาสูบ นักโบราณคดียังได้เห็นเตาเผาและขวดโหลต่าง ๆ ที่มีรูปร่างเหมือนภาชนะในภาพวาดที่แสดงห้องเล่นแร่แปรธาตุในคริสต์ศตวรรษที่ 16 ทุกประการด้วย
ด้านนักธรณีวิทยาได้เสนอความคิดว่า การสูญหายของแหล่งอพยพบนเกาะ Roanoke เกิดจากการไหลของกระแสน้ำที่เปลี่ยนทิศ และระดับน้ำทะเลได้ไหลท่วมสถานที่ตั้งของผู้อพยพเป็นเวลานานถึงสองศตวรรษ เพราะในอดีตระดับน้ำทะเลเคยอยู่ต่ำมาก เกาะจึงมีพื้นที่อาศัยมาก แต่เมื่อเวลาผ่านไป ระดับน้ำทะเลเพิ่มขึ้น ๆ พื้นที่บนเกาะจึงได้ลดลง ๆ นอกจากนี้เกาะก็มีพายุเฮอร์ริเคนพัดพา จนทำให้สิ่งของที่ผู้อพยพสร้างได้สูญหายไปจนหมดสิ้น
แต่ก็มีนักวิทยาศาสตร์อีกหลายคนที่ไม่เชื่อเรื่องนี้ ดังนั้นโดยสรุป ปริศนาหมู่บ้านบนเกาะ Roanoke จึงยังมีอยู่ต่อไปว่า ผู้คน 115 คน ได้หายไปอย่างไร้ร่องรอยเพราะเหตุใด
John Wilkes Booth (1838-1865) มีอาชีพเป็นนักแสดงละครในรัฐ Virginia และ Massachusetts เมื่อปี 1865 Booth วัย 22 ปี ได้กลายเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก มิใช่ในฐานะผู้มีความสามารถสูงในการเล่นละคร แต่ในฐานะฆาตกรผู้สังหารประธานาธิบดี Abraham Lincoln (1809 –1865) วัย 56 ปี ซึ่งเป็นประธานาธิบดีคนที่ 16 ของสหรัฐฯ ขณะนั่งดูละครเรื่อง “Our American Cousin” ที่โรงละคร Ford ในกรุง Washington D.C. เมื่อวันที่ 14 เมษายน ปี 1865 กระสุนที่ทะลุท้ายทอยทำให้ Lincoln ล้มลงและสิ้นชีวิต
หลังจากที่ประสบความ “สำเร็จ” Booth ได้กระโจนขึ้นไปยืนบนเวที แล้วกล่าวตะโกนเป็นภาษาละตินว่า “Sic semper tyrannis” ซึ่งแปลว่า “ทรราชย์ต้องจบชีวิตเยี่ยงนี้” จากนั้น Booth ก็ได้หลบหนีออกทางด้านหลังโรงละคร ขึ้นม้าที่ผูกคอยอยู่ แล้วควบม้าหายไปในความมืด
อีก 16 วันต่อมาชายชื่อ Garnett ซึ่งทำไร่ยาสูบอยู่ในรัฐ Virginia และไร่อยู่ห่างจากโรงละคร Ford ประมาณ 100 กิโลเมตร ได้รายงานตำรวจว่า ได้เห็นฆาตกร Booth หลบซ่อนอยู่ในยุ้งใบยาสูบ ตำรวจจึงวางเพลิงเผายุ้ง ซึ่งมีผลทำให้ Booth ต้องวิ่งหนีออกมาจากที่ซ่อน และถูกทหารชื่อ Boston Corbett กระทำวิสามัญฆาตกรรมทันที และอีกสองชั่วโมงต่อมา Booth ก็สิ้นใจ ทางการจึงนำศพขึ้นรถ เดินทางสู่ Washington D.C. เพื่อชันสูตรเมื่อศัลยแพทย์ John May ซึ่งเคยผ่าตัดก้อนเนื้อที่คอของ Booth ได้เห็นรอยผ่าตัด เขาก็ยืนยันว่าเป็นศพของ Booth จริงๆ ซึ่งได้เสียชีวิต เพราะพิษกระสุน แล้วได้ตัดชิ้นเนื้อที่คอใส่ขวดโหล เพื่อนำไปมอบให้แก่พิพิธภัณฑ์ Mütter ในเมือง Philadelphia ประเทศสหรัฐอเมริกา เก็บรักษา ส่วนศพถูกนำไปฝังที่ Old Penitentiary แล้วถูกย้ายไปฝังที่สุสานอื่นอีก 3 แห่ง
หลังจากที่เวลาผ่านไป 4 ปี รัฐบาลสหรัฐฯ ได้มอบศพของ Booth แก่ครอบครัว เพื่อนำไปฝังที่สุสาน Greenmount ในเมือง Baltimore รัฐ Maryland อันเป็นสถานพำนักครั้งสุดท้ายของ Booth
คำถามที่นักประวัติศาสตร์สนใจ คือ การสังหารทางการเมืองนี้ เป็นการกระทำของ Booth เพียงคนเดียว หรือของกลุ่มคนหัวรุนแรงในชาติหรือต่างชาติ บางคนยังตั้งข้อสงสัยว่า ศพเป็นของ Booth จริงหรือไม่ หรือเป็นของบุคคลอื่นที่ทางการให้เป็นแพะ เพื่อเรื่องจะได้ “จบ”
วิธีหนึ่งที่สามารถตัดสินข้อกังขานี้ได้ คือ การขุดศพที่สุสาน Greenmount มาตรวจ DNA แต่ศาลได้ปฏิเสธคำร้อง เพราะผู้เชี่ยวชาญได้ยืนยันว่า mitochondria DNA (mtDNA) ต่างหากที่จะยืนยันได้ แต่ผู้หญิงแห่งตระกูล Booth เช่น ยายทวด ยาย แม่ ลูกสาว ซึ่งมี mtDNA ไม่มีเลย ดังนั้น เพื่อป้องกันความโกลาหล ศพของ Booth จึงไม่มีใครแตะต้อง และยังเป็นปริศนามาจนทุกวันนี้
สำหรับสาเหตุที่ Booth ต้องสังหารประธานาธิบดี Lincoln เพราะเขาคิดว่า Lincoln ได้เลิกทาส ซึ่งทำให้คนผิวดำมีสิทธิ์เท่าเทียมคนผิวขาว อันเป็นเรื่องผิดกฎหมาย และการสังหารประธานาธิบดีจะทำให้รัฐบาลปราศจากเสถียรภาพ แต่ก็ไม่จริง เพราะว่ารองประธานาธิบดี Andrew Jackson ได้ขึ้นทำหน้าที่แทน ส่วนประเด็นที่ว่ามีใครเป็นผู้สมคบคิดกี่คนนั้น ก็ยังเป็นปริศนาที่ยังไม่มีคำตอบมาจนถึงทุกวันนี้
อ่านเพิ่มเติมจาก What Happened to the ‘Lost Colony’ of Roanoke? จาก HISTORY.COM STAFF UPDATED: JUNE 20, 2023
ศ.ดร.สุทัศน์ ยกส้าน : ประวัติการทำงาน - ราชบัณฑิตสำนักวิทยาศาสตร์ สาขาฟิสิกส์และดาราศาสตร์ และ ศาสตราจารย์ ระดับ 11 ภาควิชาฟิสิกส์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ, นักวิทยาศาสตร์ดีเด่นและนักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ สาขากายภาพและคณิตศาสตร์ ประวัติการศึกษา-ปริญญาตรีและโทจากมหาวิทยาลัยลอนดอน, ปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย
อ่านบทความ "โลกวิทยาการ" ได้ทุกวันศุกร์