เทพนิยายกรีกได้กล่าวถึง Daedalus ว่า เป็นสถาปนิกผู้มีชื่อเสียงโด่งดัง และมีหลานชายคนหนึ่งชื่อ Talus ซึ่งเป็นนักประดิษฐ์ที่มีชื่อเสียงยิ่งกว่าลุง ความอิจฉาริษยาที่มีมากมาย ได้ชักนำให้ลุงฆ่าหลาน แล้วหลบหนีไปต่างแดน เพื่อไปถวายงานแด่ กษัตริย์ Minos แห่ง อาณาจักร Minos บน เกาะ Crete ซึ่งตั้งอยู่ใน ทะเล Mediterranean โดย Daedalus ได้ทูลกษัตริย์ Minos ว่า จะสร้างห้องลึกลับใต้ดิน ที่ถ้าใครก็ตามเดินหลงเข้าไป จะหาทางออกไม่ได้ (labyrinth) และในที่สุดก็จะถูกมนุษย์วัว (Minotaur) ฆ่า ผลงานของ Daedalus ได้ทำให้กษัตริย์ Minos ทรงพอพระทัยมาก แต่เมื่อวีรบุรุษ Theseus ได้บุกเข้าไปใน labyrinth แล้วสังหารมนุษย์วัว จากนั้นก็ได้หลบหนีออกจาก labyrinth ไปได้ เหตุการณ์นี้ทำให้กษัตริย์ Minos ทรงระแวงว่า Daedalus คงมีบทบาทช่วยในการปล่อยให้ Theseus หนีไปได้ พระองค์จึงทรงบัญชาให้นำตัว Daedalus กับลูกชายชื่อ Icarus ไปขังไว้ในคุก
Daedalus กับลูกต้องการจะหลบหนีออกจากคุกมาก วันหนึ่งเมื่อเขาเห็นฝูงนกบินว่อนอยู่ในท้องฟ้า จึงคิดจะสร้างปีกให้ตนเองและลูกชายสามารถบินได้ และได้เก็บรวบรวมขนนกจำนวนมาก มาสร้างเป็นปีก โดยใช้ขี้ผึ้งติดขนนกกับโครงไม้ที่ตนจะใช้ในการกระพือเป็นปีก
ในวันที่หลบหนี Daedalus ได้กล่าวเตือนลูกชายว่า อย่าบินสูงจนเกินไป เพราะแสงอาทิตย์จะทำให้ขี้ผึ้งละลาย แล้วปีกนกก็จะหัก เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ในสภาพพร้อม สองพ่อลูกก็สามารถบินถลาได้เหมือนนก แต่เวลาผ่านไปไม่นาน Icarus กลับคิดไม่เชื่อในคำเตือนของบิดา จึงบินขึ้นสูงมาก จนความร้อนจากดวงอาทิตย์ได้ทำให้ขี้ผึ้งที่ปีกละลาย Icarus ได้พยายามทรงตัว แต่ไม่เป็นผล จึงตกทะเลและจมน้ำตาย เมื่อ Daedalus พบศพของลูกชาย จึงให้นำไปฝัง แล้วเดินทางต่อไปที่เกาะ Sicily พร้อมกับตั้งปณิธานว่า ต่อนี้ไปจะไม่บินเหมือนนกอีกเลย
ตำนาน Daedalus กับ Icarus ได้สอนผู้คนในเวลาต่อมาว่า มนุษย์ต้องเดินดิน ส่วนนกต้องเดินฟ้า ดังนั้นคนจะบินเหมือนนกไม่ได้ แต่ความต้องการและความฝันของมนุษย์ที่จะบินได้เหมือนนกก็ยังไม่สิ้นสุด แม้แต่ Leonardo da Vinci ในปลายคริสต์ศตวรรษที่ 15 ก็ได้คิดจะสร้างเครื่องร่อน ออกแบบร่มชูชีพ และออกแบบ helicopter เพื่อให้มนุษย์สามารถ “เหาะ” ได้
ปี 2023 นี้ เป็นวาระครบ 120 ปี ที่ สองพี่น้องตระกูล Wright ซึ่งเป็นวิศวกรซ่อมและสร้างจักรยาน ได้ทำให้โลกเปลี่ยนแปลง ด้วยการประดิษฐ์ยานที่หนักกว่าอากาศ ซึ่งมีเครื่องยนต์ ที่ใช้ในการขับเคลื่อนและควบคุมการบิน จนมีผลทำให้การเดินทางโดยใช้เครื่องบินใช้เวลาน้อยลง และโลกมีขนาดเล็กลงมาก
ตลอดเวลาที่ผ่านไปร่วม 120 ปี ธุรกิจวิทยาศาสตร์และอุตสาหกรรมการบินของโลกได้เปลี่ยนแปลงไปมาก เช่น ปัจจุบันเรามีบริษัทเอกชนที่ใช้เครื่องบิน นำนักท่องเที่ยวไปทัศนาจรในอวกาศเป็นเวลาสั้น ๆ แล้วนำกลับโลกได้อย่างปลอดภัย ในอนาคตอีกไม่นานเราก็จะมีเครื่องบินขนาดใหญ่ที่บินด้วยความเร็วเหนือเสียงหลายเท่าอีกทั้งสามารถบรรทุกผู้โดยสารได้จำนวนนับพัน เดินทางรอบโลกได้ภายในเวลาวันเดียว และอาจจะมีเครื่องบินโดยสารขนาดเล็ก ที่สามารถบินขึ้น-ลงในสนามหญ้าหน้าบ้านหรือหลังบ้าน เหมือนกับการมีรถยนต์ส่วนตัวที่เก็บในโรงรถ ตลอดจนถึงการมีเครื่องบินที่ไร้คนขับ คือ ใช้หุ่นยนต์แทนนักบิน ฯลฯ
ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีการบินอย่างตลอดเวลาได้ทำให้ประเทศมหาอำนาจต่าง ๆ ต้องการจะมียานอวกาศที่สามารถบินไป-กลับระหว่างโลกกับดวงจันทร์ และโลกกับดาวอังคาร เพื่อนำมนุษย์ไปตั้งถิ่นฐานให้จงได้บนต่างดาว ซึ่งในสมัยเมื่อ 120 ปีก่อนนั้น ความฝันทำนองนี้ เป็นสิ่งที่ใครๆ ก็ไม่เคยคิดว่าจะเป็นไปได้ จนกระทั่งสองหนุ่มช่างซ่อมและขายจักรยาน แห่งเมือง Dayton ในรัฐ Ohio ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ทดลองบินด้วยเครื่องบินเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม ปี 1903 ที่ชายหาดชื่อ Kitty Hawk ในรัฐ North Carolina ประเทศสหรัฐอเมริกา และบินได้สำเร็จ แม้จะไปได้ไกลเป็นระยะทางสั้น ๆ ก็ตาม
ความเพียรพยายาม ความฉลาดเฉลียว และความสามารถในการเรียนรู้ด้วยตนเอง เพื่อเอาชนะอุปสรรคต่าง ๆ ได้ทำให้สองพี่น้องประสบความสำเร็จ ทั้งๆ ที่ไม่เคยเรียนวิชาวิศวกรรมศาสตร์ในมหาวิทยาลัย แต่ได้อาศัยการอ่านตำราที่เขียนเกี่ยวกับว่าว เกี่ยวกับการบินของนก และการทรงตัวของเครื่องร่อน ตลอดจนถึงได้เรียนรู้ธรรมชาติของกระแสลม ในการประคับประคองเครื่องบินไม่ให้เสียการทรงตัว ขณะบินอยู่ในอากาศ และการได้สนทนากับ “ผู้เชี่ยวชาญ” หลายคนได้ทำสองพี่น้องตระหนักว่า ในเวลานั้นไม่มีใครในโลก มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องวิทยาศาสตร์การบิน เพราะหลังจากที่ได้ทดลองบินหลายครั้งแล้ว คนทั้งสองก็รู้ว่า ทฤษฎี และสูตรการบินที่ใช้กัน หรือที่ผู้เชี่ยวชาญบอกนั้น ไม่ถูกต้อง ดังนั้นสองพี่น้องจึงได้สร้างอุโมงค์ลมขึ้นมา เพื่อใช้ทดสอบเครื่องร่อนของตน โดยวัดแรงยก แรงดัน แรงขับเคลื่อน และแรงต้านต่าง ๆ จนทำให้คนทั้งสองเป็นผู้นำด้านวิศวกรรมอากาศยาน หลังจากที่ได้ทดลองบินหลายร้อยครั้ง และเครื่องก็ตกหลายร้อยครั้งเช่นกัน แต่คนขับได้นอนบังคับเครื่อง ดังนั้นจึงไม่เป็นอันตราย
ในเดือนสิงหาคม ปี 1900 เมื่อสองพี่น้อง Wright ประสบความสำเร็จในการสร้างเครื่องร่อน จึงได้ติดต่อกับเจ้าหน้าที่อุตุนิยมวิทยา เพื่อขอข้อมูลสภาพลมในทุกพื้นที่ของประเทศ และได้ตัดสินใจเลือกชายหาด Kitty Hawk เพราะที่นั่นมีกระแสลมที่มีความเร็วพอเหมาะ คือ ประมาณ 20 กิโลเมตร/ชั่วโมง ผลการทดลองบินในปีนั้น ไม่ได้ผลดีเลย จึงต้องออกแบบปีก และรูปทรงของเครื่องร่อนใหม่
อีกสองปีต่อมา เครื่องร่อนก็สามารถร่อนไปได้ไกลประมาณ 200 เมตร ความสำเร็จนี้ได้ทำให้สองพี่น้องรู้สึกดีใจมาก จึงนำเครื่องยนต์และใบพัดมาติดตั้งในเครื่องร่อน เพื่อเปลี่ยนสภาพให้เป็นเครื่องบินที่มีกำลังขับเคลื่อนประมาณ 12 แรงม้า หลังจากที่ได้ปรับแต่งทุกส่วนเป็นเครื่องบินจนเป็นที่พอใจแล้ว จึงนำไปทดลองบินในวันที่ 14 ธันวาคม ปี 1903 ที่ชายหาด Kitty Hawk
เพราะเครื่องบินมีขนาดเล็ก และมีที่นั่งให้คนขับเพียงคนเดียว สองพี่น้องจึงโยนหัว-ก้อย ให้คนที่ชนะได้ทดลองขับเป็นคนแรก ผลปรากฏว่า Wilbur Wright (1867-1912) ผู้พี่ชนะ แต่ขณะเครื่องกำลังจะทะยานขึ้น Wilbur รู้สึกเครื่องยนต์ทำงานผิดปกติ จึงหยุดเครื่องอย่างกะทันหัน ทำให้เครื่องเสียหายเล็กน้อย
หลังจากที่ได้ซ่อมเครื่องจนเรียบร้อยแล้ว ในวันที่ 17 ธันวาคม ปี 1903 ขณะเวลา 10.35 นาฬิกา Orville Wright (1871-1948) ผู้น้องก็ได้ประสบความสำเร็จในการเป็นมนุษย์คนแรกที่นำยานหนักกว่าอากาศให้ลอยอยู่ได้นานถึง 12 วินาที และไปได้ไกลเป็นระยะทาง 36.6 เมตร โดยได้บินขึ้นสูง 36 เมตร และในการบินครั้งนั้น Orville ได้นอนราบลงกับพื้นเครื่อง แล้วใช้มือโยกมอเตอร์เครื่องยนต์ คนทั้งสองได้ทดลองบินอีก 4 ครั้งในวันนั้น และในการทดลองบินครั้งสุดท้าย Wilbur ก็สามารถนำเครื่องบินบินได้นาน 59 วินาที จนไปได้ไกล 260 เมตร
ความฝันของมนุษย์ที่จะบินได้เหมือนนกก็ได้กลายเป็นความจริง ตั้งแต่วันที่ 17 ธันวาคม ปี 1903 เป็นต้นมา
สำหรับประวัติโดยย่อของสองนักประดิษฐ์ผู้เปลี่ยนโลกมีดังนี้
Wilbur Wright เกิดเมื่อวันที่ 16 เมษายน ปี 1867 ที่เมือง Millville ในรัฐ Indiana ประเทศสหรัฐอเมริกา
Orville Wright เกิดเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม ปี 1871 ที่เมือง Dayton ในรัฐ Ohio สหรัฐอเมริกา เช่นกัน
บิดาเป็นนักเทศน์ คนทั้งสองสนใจการทำงานของเครื่องจักรกลมาตั้งแต่เด็ก ในประเด็นว่า อุปกรณ์ต่าง ๆ ทำงานได้อย่างไร เมื่อย่างเข้าสู่วัยหนุ่ม สองพี่น้องได้ร่วมมือกันทำธุรกิจการพิมพ์ โดยได้สร้างแท่นพิมพ์ขึ้นมาเอง จนกระทั่งมีเงินเก็บสะสมพอสมควร จากนั้นได้เปลี่ยนอาชีพไปเปิดร้านซ่อมและประดิษฐ์รถจักรยานขาย ในปี 1892
ในปี 1896 สองพี่น้องได้อ่านข่าว Otto Lilienthal (1848-1896) นักประดิษฐ์ชาวเยอรมัน ผู้เชี่ยวชาญเรื่องการสร้างเครื่องร่อนได้ประสบอุบัติเหตุเครื่องร่อนตก ทำให้ต้องเสียชีวิต เพราะเครื่องร่อนเสียสมดุล เมื่อลมใต้ปีกแผ่วกำลัง
ข่าวร้ายนี้ได้จุดชนวนความสนใจของสองพี่น้อง ให้คิดออกแบบปีกเครื่องบิน และแพนอากาศ (airfoil) ใบพัด เพื่อให้คนขับสามารถควบคุมการทรงตัว การตะแคงตัว และการหมุนตัวของเครื่องบินให้ดีขึ้น เวลาเครื่องบินมีเครื่องยนต์กำลัง 12 แรงม้า และมีใบพัด 2 ใบ และเพื่อสร้างความมั่นใจในความปลอดภัย คนทั้งสองได้สร้างอุโมงค์ลมขึ้นมา เพื่อทดสอบเสถียรภาพในการบินของเครื่องบินที่พวกตนออกแบบก่อน จากนั้นก็นำเครื่องบินที่หนักประมาณ 340 กิโลกรัม ออกบินโดยได้ตั้งชื่อเครื่องบินว่า Flyer 1 และได้เปลี่ยนมาเป็น Kitty Hawk ในเวลาต่อมา เมื่อการทดลองบินประสบความสำเร็จ
ข้อสังเกตหนึ่งที่ได้จากการบินครั้งแรกของมนุษย์ คือ ไม่มีนักสื่อสารมวลชนใด ๆ มายืนดู จะมีก็แต่สองพี่น้อง และชาวบ้านในแถบนั้นอีก 3 คน รวมเป็น 5 คน มาเฝ้ามองการทดลองเป็นสักขีพยาน
ในปี 1904 สองพี่น้องได้สร้างเครื่องบินลำที่สองและสาม ชื่อ Flyer 2 และ 3 ซึ่งสามารถบินกลับสู่ที่เดิมได้ และสามารถบินวนเป็นเลข 8 ก็ได้ด้วย
สองพี่น้องจึงได้ขอจดทะเบียนลิขสิทธิ์ และรอคอยให้รัฐบาลสหรัฐฯ ติดต่อซื้อลิขสิทธิ์ แต่ไม่มีใครหรือหน่วยงานใดสนใจ ในเวลาเดียวกันคนทั้งสองก็ได้คอยสอดส่องว่า มีนักประดิษฐ์คนอื่นใด ได้ขโมยความคิดริเริ่มของคนทั้งสองไปบ้าง และพบว่าคนทั้งสองต้องต่อสู้เรื่องลิขสิทธิ์กับนักประดิษฐ์คนอื่น ๆ อีกหลายคน ซึ่งได้แอบอ้างว่าสองพี่น้องตระกูล Wright ได้ขโมยผลงานไป
ในการต่อสู้ชั้นศาล ผลปรากฏว่า สองพี่น้องตระกูล Wright ชนะหมด แม้จะชนะในทางกฎหมาย แต่ก็ไม่เด็ดขาด เพราะคดีมีความยุ่งยากในการพิสูจน์ว่า ใครคิดอะไรและสร้างอะไรได้เป็นคนแรก รวมทั้งได้ทำขึ้นเมื่อไรด้วย เป็นเรื่องยากที่จะพิสูจน์ และนี่ก็คือเหตุผลสำคัญที่ทำให้สองพี่น้อง Wilbur และ Orville ไม่ได้รับรางวัลโนเบลฟิสิกส์เหมือน Guglielmo Marconi (1874-1937) ซึ่งได้รับจากการประดิษฐ์วิทยุ ครั้นเมื่อ Wilbur ได้เสียชีวิตด้วยโรคไข้รากสาดในปี 1912 ความพยามจะได้รับรางวัลโนเบลฟิสิกส์ก็จำเป็นต้องยุติ
ตลอดเวลาที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่า ชาวอเมริกันให้ความสนใจในเครื่องบินที่สองพี่น้องสร้างค่อนข้างน้อย ดังนั้นในวันที่ 18 ธันวาคม ปี 1908 สองพี่น้องจึงเดินทางไปทดลองบินให้ชาวฝรั่งเศสดู ที่เมือง Les Hunaudières และเมื่อเครื่องบิน บินขึ้นสูงถึง 100 เมตร ชาวฝรั่งเศสก็รู้สึกตื่นเต้นมาก
ครั้นเมื่อ Orville ได้ทดลองบินให้กองทัพสหรัฐฯ ดูบ้าง เพื่อจะให้สั่งซื้อ แต่เมื่อเครื่องบินทดลองตก และนักบินเสียชีวิต เหตุการณ์นี้ทำให้กองทัพสหรัฐฯ หมดความสนใจ แต่อีกหนึ่งปีต่อมากระทรวงกลาโหมของสหรัฐฯ ก็ได้ตัดสินใจติดต่อสองพี่น้อง เพื่อขอซื้อลิขสิทธิ์สร้างสิ่งประดิษฐ์ที่เรียกว่า เครื่องบิน
หลังจากที่พี่ชายเสียชีวิต ครั้นเมื่อถึงปี 1915 Orville ก็หมดความสนใจจะพัฒนาเครื่องบิน และได้ขายธุรกิจการบินของตนให้เอกชนทำต่อ
ในปี 1948 Orville ได้ล้มป่วยลงด้วยโรคหัวใจ และเสียชีวิตในวัย 77 ปี หลังจากที่ได้รับเชิญให้ขึ้นนั่งในเครื่องบิน Lockheed Constellation 4 เครื่องยนต์ และได้เห็นเครื่องบินเจ็ทลำแรกของโลก
กาลานุกรมการบินโดยย่อของมนุษย์มีดังนี้
ปี 1783 สองพี่น้อง Jacques-Étienne Montgolfier กับ Joseph -Michel Montgolfier ชาวฝรั่งเศสได้ทดลองลอยบอลลูน ชื่อ Le Réveillon ต่อ เบื้องพระพักตร์ในพระเจ้า Louis ที่ 16 โดยภายในบอลลูนมีอากาศร้อน เพื่อให้ลอยนิ่งเหนือพระราชวัง Versailles โดยตัวบอลลูนสูง 18.5 เมตร กว้าง 13.3 เมตร และหนัก 40 กิโลกรัม ในตะกร้าที่แขวนห้อยใต้บอลลูน มีเป็ด แกะ และไก่ อย่างละตัวเป็นสัตว์ทดลอง เพื่อแสดงให้เห็นว่า ถ้า สัตว์สามารถเดินทางไปในอากาศได้ มนุษย์ก็สามารถเดินทางในอากาศได้ อย่างปลอดภัยเช่นกัน
ปี 1797 André-Jacques Garnerin ชาวฝรั่งเศส ได้ใช้ร่มชูชีพกระโดดจากบอลลูน
ขณะอยู่สูง 680 เมตร ลงในสวนสาธารณะ Parc Monceau ในกรุงปารีส ได้อย่างปลอดภัย เป็นครั้งแรก
ปี 1852 Henri Giffard ชาวฝรั่งเศสได้ติดตั้งเครื่องจักรไอน้ำในบอลลูนเรือบิน (dirigible) ในการเดินทางจาก Paris ถึง Trappes
ปี 1903 Orville Wright ชาวอเมริกันขับเครื่องบินชื่อ Kitty Hawk ได้นาน 12 วินาที ในการเดินทางได้ระยะทาง 36.6 เมตร
ปี 1909 Louis Blériot ชาวฝรั่งเศสใช้เครื่องบินปีกเดี่ยวบินข้ามช่องแคบอังกฤษได้ เป็นครั้งแรกจาก Les Baraques ถึง Dover โดยใช้เวลา 36 นาที 30 วินาที
ปี 1927 Charles Lindbergh ชาวอเมริกันบินเดี่ยว โดยเครื่องบินชื่อ Spirit of St. Louis ข้ามมหาสมุทร Atlantic ได้เป็นครั้งแรก ได้ระยะทาง 5,750 กิโลเมตร จาก New York ถึง Paris ภายในเวลา 33.5 ชั่วโมง
ปี 1947 Chuck Yeager ขับเครื่องบินความเร็วเหนือเสียง Bell X-1 ด้วยความเร็ว 1.015 Mach
ปี 1969 เครื่องบินโดยสารความเร็วเหนือเสียง Concorde เริ่มบินเป็นครั้งแรกจาก สนามบินในเมือง Bristol ถึง Fairford ในอังกฤษ
ปี 1970 เครื่องบินโดยสาร Boeing 747 Jumbo ออกเดินทางจาก New York ถึง London เป็นครั้งแรก โดยใช้เวลา 4 ชั่วโมง 56 นาที
ปี 1989 เครื่องบินสอดแนม F 117-A ได้ถูกนำมาใช้ในการล้มรัฐบาลทหารของ ประเทศปานามา
ปี 1999 บอลลูน Breitling Orbiter 3 นำผู้โดยสารชื่อ Bertrand Piccard ชาว สวิสและ Brian Jones ชาวอังกฤษเดินทางรอบโลกผ่าน 30 ประเทศ โดย ใช้เวลาบินทั้งหมด 19 วัน 21 ชั่วโมง กับ 55 นาที ซึ่งเป็นสถิติการ เดินทางโดยบอลลูนที่ไกลที่สุด นานที่สุด และสูงที่สุด
ในศตวรรษที่ 21 นี้ อวกาศกำลังจะเป็นแหล่งสะสมอาวุธของบรรดาชาติมหาอำนาจ ที่ จะไปสร้างฐานทัพบนดวงจันทร์ และในอนาคตอีกไม่นานมนุษย์ก็ จะบินจากโลกด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ไปดาวอังคาร ที่อยู่ไกลจาก โลกมาก จนการเดินทางไปและกลับต้องใช้เวลานานมาก และต้อง เสียทรัพยากรมาก ด้วยเหตุนี้ถ้ามนุษย์เดินทางไปถึงดาวอังคารแล้ว บางคนก็อาจจะตัดสินใจตั้งถิ่นฐานอยู่ที่นั่น แล้ววิวัฒนาการไปเป็น มนุษย์สายพันธุ์ใหม่ บนโลกใหม่ก็ได้
ในปี 2050คือ อีก 27 ปี โลกก็อาจจะมีเครื่องบินที่ขับเคลื่อนโดยแบตเตอรี่ไฟฟ้านำผู้โดยสารเดินทางท่องเที่ยวไปได้อย่างปลอดภัย ตลอดจนถึงบินสำรวจโลกได้อย่างเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วย
อ่านเพิ่มเติมจาก The Wright Brothers & The Invention of the Aerial Age โดย Tom D. Crouch และ Peter L. Jakab จัดพิมพ์โดย National Geographic Book ปี 2003
ศ.ดร.สุทัศน์ ยกส้าน : ประวัติการทำงาน - ราชบัณฑิต สำนักวิทยาศาสตร์ สาขาฟิสิกส์และดาราศาสตร์ และ ศาสตราจารย์ ระดับ 11 ภาควิชาฟิสิกส์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ, นักวิทยาศาสตร์ดีเด่นและนักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ สาขากายภาพและคณิตศาสตร์ ประวัติการศึกษา-ปริญญาตรีและโทจากมหาวิทยาลัยลอนดอน, ปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย
อ่านบทความ "โลกวิทยาการ" ได้ทุกวันศุกร์