สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการดำเนินงานกิจกรรมส่งเสริมและสนับสนุนการวิจัยและนวัตกรรม โครงการถ่ายทอดเทคโนโลยีโดรนระบบอัตโนมัติเพื่อประยุกต์ใช้งานการพัฒนาพื้นที่สูง ในการสำรวจพื้นที่ การเกษตร การขนส่งสิ่งของ และการป้องกันการเกิดไฟป่า ณ โครงการร้อยใจรักษ์ อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่
วันนี้ (17 ม.ค.) สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม โดย ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ นำคณะผู้ทรงคุณวุฒิ วช. ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการดำเนินงานกิจกรรมส่งเสริมและสนับสนุนการวิจัยและนวัตกรรม โครงการถ่ายทอดเทคโนโลยีโดรนระบบอัตโนมัติเพื่อประยุกต์ใช้งานการพัฒนาพื้นที่สูง ในการสำรวจพื้นที่ การเกษตร การขนส่งสิ่งของ และการป้องกันการเกิดไฟป่า โดยมี นาย ณรงค์ อภิชัย ผู้อำนวยการสำนัก บริหารโครงการ และประธานสายปฏิบัติการพัฒนามูลนิธิแม่ฟ้าหลวง นายสมบูรณ์ แสงจันทร์ ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนไม้ผลคุณภาพบ้านห้วยส้าน ต.ท่า ตอน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ และนายพิศิษฐ์ มิตรเกื้อกูล นายกสมาคมกีฬาเครื่องบินจำลองและวิทยุบังคับ หัวหน้าโครงการฯ พร้อมด้วยเกษตรกรในพื้นที่โครงการร้อยใจรักษ์ ให้การต้อนรับ ณ โครงการร้อยใจรักษ์ อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่
ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ กล่าวว่า วช. ภายใต้กระทรวง อว. ได้สนับสนุนทุนแก่สมาคมกีฬาเครื่องบินจำลองและวิทยุบังคับ ในการดำเนินโครงการถ่ายทอดเทคโนโลยีโดรนระบบอัตโนมัติเพื่อประยุกต์ใช้งานการพัฒนาพื้นที่สูง ในการสำรวจ การเกษตร และการป้องกันอุบัติภัย ปัจจุบัน เทคโนโลยีอากาศยานไร้คนขับ ได้ถูกพัฒนาและนำมาใช้งานในหลากหลายด้าน ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อธุรกิจในด้านต่าง ๆ มากมาย อีกทั้งยังทำให้การดำเนินธุรกิจสะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น การที่สมาคมฯ ได้นำเทคโนโลยีดังกล่าวมาถ่ายทอดองค์ความรู้ให้กับผู้ใช้ประโยชน์ในพื้นที่โครงการร้อยใจรักษ์ อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ นับว่าเป็นประโยชน์อย่างยิ่งที่ผู้ใช้ประโยชน์ในพื้นที่จะได้นำองค์ความรู้ไปพัฒนาการทำเกษตรในพื้นที่สูงให้มีประสิทธิภาพต่อไป
นายพิศิษฐ์ มิตรเกื้อกูล หัวหน้าโครงการฯ กล่าวว่า สมาคมกีฬาเครื่องบินจำลองและวิทยุบังคับ ได้รับการสนับสนุนทุนจาก วช. ในการดำเนินโครงการถ่ายทอดเทคโนโลยีโดรนระบบอัตโนมัติเพื่อประยุกต์ใช้งานการพัฒนาพื้นที่สูง (การสำรวจ การเกษตร และการป้องกันอุบัติภัย) ซึ่งโครงการนี้ได้นำเอาเทคโนโลยีโดรนระบบอัตโนมัติเข้ามาประยุกต์ในการใช้งานในพื้นที่สูง โดยสมาคมฯ ได้ถ่ายทอดองค์ความรู้ให้กับเจ้าหน้าที่มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงในพระบรมราชูปถัมภ์ และชาวบ้านในพื้นที่โครงการร้อยใจรักษ์ ในการพัฒนาแปลงเกษตรพื้นที่สูง ทำให้เกิดการลดต้นทุนในการลงพื้นที่โดยการใช้โดรนทำหน้าที่แทนมนุษย์และยังเข้าถึงพื้นที่ที่มนุษย์เข้าถึงได้ยาก อีกทั้งการใช้โดรนยังช่วยในการทำเกษตรอินทรีย์และเกษตรที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ช่วยลดการปนเปื้อนสารพิษต่าง ๆ ทั้งในผลผลิตและสิ่งแวดล้อมอีกด้วย และสมาคมฯ มีแผนในการขยายผลความสำเร็จของโครงการฯ ไปใช้ประโยชน์ในพื้นที่อื่น ๆ ต่อไป
นายสมบูรณ์ แสนจันทร์ ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนไม้ผลคุณภาพบ้านห้วยส่าน หนึ่งในเกษตรกรใช้เทคโนโลยีโดรนเพื่อประยุกต์ใช้งานการพัฒนาพื้นที่สูงด้วยระบบ network 4G/5G โดยอาศัยอยู่ในพื้นที่ หมู่ที่ 10 ตำบลท่าตอน อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ เจ้าของไร่ส้ม 30 ไร่ มะม่วง 25 ไร่ กล่าวว่า ได้ใช้โดรนมาประมาณ 5-6 เดือน พบว่าปัญหาการใช้งาน ตัวโดรนควรมีการปรับปรุงในเรื่องของเคมีที่นำมาใช้ จากที่ได้พ่นแบบละอองฝอย ควรปรับเปลี่ยนเป็นแบบผงแป้ง เนี่องจากปัญหาที่พบคือ เวลาพ่นยาลงไร่สวนให้กระจาย ละอองจะแห้งเร็ว ไม่สามารถที่จะทันได้สัมผัสตัวแมลงที่เป็นศัตรูพืช ก็จะระเหยไปก่อน แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นใช้ดูดซึม ต้องใช้เวลาให้ลดเวลาการระเหยให้นานขึ้น ก็อาจจะต้องมีการปรับเปลี่ยนเรื่องของละอองให้ใหญ่เพื่อให้เกาะได้นานขึ้น
สำหรับประโยชน์จากการใช้โดรนช่วยลดต้นทุนสารเคมี จากที่เคยใช้ 1 ลิตรกับถังยา 200 ลิตร จะใช้อัตรา 200-300 ซีซี ซึ่งใช้ได้ไม่ถึงไร่ แต่เมื่อมาใช้โดรนแค่ 10-20 ซีซี ได้ต่อ 1 ไร่ ช่วยลดความเสี่ยงในการสัมผัสสารเคมี เมื่อได้มีการตรวจสุขภาพพบว่าสารเคมีไม่เกินมาตรฐานด้วย รวมถึงลดค่าแรงงาน ค่าน้ำมันสิ้นเปลืองอีกด้วย
นายอาเปียว หมื่อเต๊ะ อยู่ที่ บ้านเลขที่ 747 หมู่ 9 ต.ท่าตอน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ เกษตรกรผู้ปลูกเสาวรส จำนวน 2 ไร่ กล่าวถึงประโยชน์ของการใช้โดรนในการพ่นยากำจัดศัตรูพืช โดยที่ไม่ต้องถือถังพ่นยาด้วยตัวเองไม่ต้องสัมผัสสารเคมี ใช้โดรนในการฉีดพ่นได้ดีกว่าในต้นไม้ที่สูงได้อย่างทั่วถึงและยาเข้าถึงพืชผลได้ดี และยังช่วยประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย จากเคยใช้ค่าใช้จ่าย 500 บาท หากใช้โดรนจ่าย เพียง 80 บาท ต่อการฉีดพ่นต่อครั้ง