ในช่วงกลางปี ถือได้ว่าเป็นช่วงฤดูฝนของประเทศไทย ทำให้เราสามารถมองเห็น “รุ้งกินน้ำ” ได้บ่อยๆ แนวเส้นโค้งหลากสีสันบนท้องฟ้าที่มักจะเกิดขึ้นให้ได้เห็นหลังฝนตก เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่สวยงาม จนทำให้ใครหลายคนหลงใหล และเป็นที่มาของคำกล่าวว่า “ฟ้าหลังฝนนั้นงดงามเสมอ” MGROnline Science จึงขอพาไปทำความรู้จัก “รุ้งกินน้ำ” ว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร
“รุ้งกินน้ำ” เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ ที่สามารถเห็นได้หลังจากฝนตก โดยมีลักษณะเป็นแนวเส้นโค้งหลากสีสันบนท้องฟ้า โดยจะมีสีจากล่างขึ้นบนเรียงตามลำดับ คือ ม่วง คราม น้ำเงิน เขียว เหลือง แสด แดง ซึ่งเป็นสีสีทั้ง 7 ของแสงจากดวงอาทิตย์ที่ดวงตามนุษย์สามารถมองเห็นได้ ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติทางธรรมชาติที่สวยงามนี้ เกิดขึ้นจากละอองน้ำในอากาศหักเหแสงอาทิตย์ทำให้เกิดแถบสเปกตรัมเป็นเส้นอาร์ควงกลมเหนือพื้นผิวโลก
เนื่องจากในขณะหลังฝนตกจะมีละอองน้ำเล็กๆ ที่มองไม่เห็นแขวนลอยอยู่เป็นจำนวนมาก ละอองน้ำเล็กๆ เหล่านี้หักเหแสงอาทิตย์มาเข้าตาของเราเป็นมุมที่แตกต่างกัน ลำแสงจากดวงอาทิตย์ที่ถูกหักเหเข้าสู่แนวสายตาเป็นมุม 40° - 42° จะปรากฏเห็นเส้นโค้งซึ่งเรียกว่า "รุ้งกินน้ำ"
และในบางครั้งก็จะสามารถมองเห็นรุ้งกินน้ำซ้อนกันเป็นสองชั้นได้พร้อมๆ กัน โดยรุ้งกินน้ำชั้นแรกที่อยู่บริเวณด้านล่าง เรียกว่า “รุ้งกินน้ำปฐมภูมิ”โดยแสงอาทิตย์ทำมุมกับหยดน้ำแล้วหักเหเป็นมุม 50° เข้าสู่แนวสายตามีลักษณะคือแถบสีแดงจะอยู่บนสุดและจะมีแถบสีม่วงอยู่ล่างสุด
รุ้งกินน้ำชั้นที่สองที่อยู่ด้านบนเรียก “รุ้งกินน้ำทุติยภูมิ” เรียงลำดับสีกลับกัน คือสีแดงไปยังสีม่วงจากข้างล่างขึ้นข้างบน โดยรุ้งกินน้ำทุติยภูมิเกิดจากการหักเหแสงภายในหยดน้ำสองครั้ง โดยแสงอาทิตย์จะทำมุมกับหยดน้ำแล้วหักเหเป็นมุม52° เข้าสู่แนวสายตา ด้วยเหตุนี้รุ้งทุติยภูมิจึงปรากฏอยู่ทางด้านบน และมีสีสลับกันกับรุ้งปฐมภูมินั่นเอง
การเกิดรุ้งกินน้ำนั้น ยังไม่ได้ได้เกิดขึ้นหลังฝนตกเสมอไป โดยเราสามารถมองเห็นรุ้งกินน้ำได้เมื่อมีละอองน้ำในอากาศและมีแสงอาทิตย์ส่องมาจากด้านหลัง ปรากฏการณ์รุ้งกินน้ำยังอาจพบเห็นได้ในบริเวณใกล้กับน้ำตกและน้ำพุ หรืออาจสร้างขึ้นเองได้โดยการพ่นละอองน้ำไปในอากาศกลางแสงแดด นอกจากจะเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่สวยงามแล้ว รุ้งกินน้ำก็ยังทำให้เราได้รู้ว่า แสงที่เรามองนั้นประกอบด้วยสีอะไรบ้าง
